แฮมขอบวชอุทิศให้เหยื่อแม่สายชลช็อกแจ้งความเพิ่มอีกราย

ญาติเหยื่อ "ไฮโซซิ่งเบนซ์" แจ้งความเพิ่ม ถาม "คนชั้นล่างไม่ใช่คนเหรอ" แพทย์เผยอาการ "แสงมณี" ยังโคม่า


ระบุไม่มีทางสมบูรณ์เพราะกระดูกเชิงกรานหักทั้ง 2 ข้าง ขณะตำรวจคุมเข้มผู้ต้องหาพร้อมตรวจคนเข้าเยี่ยม ให้เวลายื่นประกันถึงเย็นวันจันทร์ ลูกสาวเหยื่อตีนผีไฮโซยันรอเจ้าตัวมากราบขอขมาศพแม่ก่อนเผา ยันไม่มีใครทำแทนใครได้

ความคืบหน้าคดี นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ "หมูแฮม" ลูกชายอดีตนางสาวไทย
 
ขับรถเบนซ์พุ่งชนคนที่ยืนอยู่บนบาทวิถี เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีกหลายคน หลังทะเลาะกับโชเฟอร์รถเมล์สาย ปอ.513 และถูกตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนักทั้งที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

ญาติเหยื่อแจ้งความเพิ่มอีก


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางญาณิศา โตจวง อายุ 41 ปี ภรรยาของ นายมาโนช โตจวง อายุ 36 ปี ผู้บาดเจ็บสาหัส หลังถูกรถเบนซ์ของนายกัณฑ์พิทักษ์ชน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ได้มาแจ้งความเอาผิดนายกัณฑ์พิทักษ์ในข้อหาพยายามฆ่า ต่อ พ.ต.ท.ญาณวุฒิ เลี่ยมแก้ว พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี นางญาณิศา กล่าวว่า ที่เพิ่งมาแจ้งความเอาผิดนายกัณฑ์พิทักษ์ในข้อหาพยายามฆ่า เนื่องจากในวันเกิดเหตุ 4 กรกฎาคม สามีได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นวันรุ่งขึ้น 5 กรกฎาคม ก็ได้ทำเรื่องขอย้ายมาที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ตอนนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ชั้น 4 โดยสามีได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ซี่โครงตั้งแต่ซี่ที่ 2-8 หัก กระดูกเชิงกรานและสะโพกขวาหัก ไหล่ขวาหัก ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ครอบครัวของนายกัณฑ์พิทักษ์ก็ยังไม่ได้มาดูแลช่วยเหลือแต่อย่างใด รวมทั้งขอให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้เป็นข้อยืนยันในการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากต้นสังกัดที่ทำงานของสามีด้วย


ถาม "คนชั้นล่าง" ไม่ใช่คนหรือ

นางญาณิศา กล่าวว่า นายมาโนชเป็นหัวหน้าครอบครัว ปกติตนกับสามีจะช่วยกันทำงานหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และยังมีลูกวัย 4 ขวบ ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 แต่ตอนนี้สามีต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่สามารถทำงานได้ รายได้จึงขาดหาย สร้างความลำบากให้แก่ครอบครัว เพราะต่อจากนี้ไปอย่างน้อย 1 ปี สามียังไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานแรมปีกว่าอาการบาดเจ็บจะหาย และเมื่อหายแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นปกติเหมือนเดิม ขณะนี้สามียังอยู่ในห้องไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ยังดีที่วันนี้แพทย์บอกว่าอาการดีขึ้นกว่าวันก่อนๆ มาก

 "ฉันรู้สึกเสียใจ คับแค้นใจ และโกรธแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ไม่อยากให้อภัยคนที่ทำเช่นนี้เลย " ทำลงไปได้ยังไง คนชั้นล่าง ชั้นต่ำ ไม่ใช่คนเหมือนกับเขาหรือยังไง ทำไมถึงโหดร้ายเช่นนี้ และยิ่งไปกว่านั้นพ่อของคนก่อเหตุยังออกมาปกป้องลูกอย่างน่าเกลียดและดูถูกคนชั้นล่าง คนจนอย่างเราๆ มิหนำซ้ำยังขู่จะฟ้องดำเนินคดีเอาผิดคนที่ทำร้ายลูกของเขา ซึ่งเขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ลูกเขาทำกับคนอีกหลายคนมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน มีทั้งคนตาย คนบาดเจ็บ โดยมีสามีของฉันรวมอยู่ด้วย ถ้าฉันอยู่ในที่เกิดเหตุ ฉันไม่เพียงด่า หรือทำร้ายเขาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ฉันอยากจะฆ่าเขาให้ตายเสียด้วยซ้ำ เพื่อให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำลงไป" นางญาณิศา กล่าว


"แสงมณี"ยังโคม่า


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม น.พ.นิลวัฒน์ คุประตกุล แพทย์เจ้าของไข้ ที่ตรวจรักษาอาการบาดเจ็บของ น.ส.แสงมณี อิมโซราลี่ หนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกนายกัณฑ์พิทักษ์ขับรถเบนซ์พุ่งชน เปิดเผยอาการบาดเจ็บของ น.ส.แสงมณี ว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ แพทย์ยังต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อบาดแผลอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังพบรอยถลอกครูดบริเวณด้านหลังและหัวไหล่ติดเชื้อ ยังคงต้องให้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูและใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะผู้ป่วยมีปัญหาในการหายใจ เพราะกระดูกซี่โครงหักทั้งหมด เบื้องต้นยังพูดคุยได้ อีกประมาณ 2 สัปดาห์อาาการของผู้ป่วยน่าจะดีขึ้น เมื่อรักษาผู้ป่วยหายแล้ว ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ซึ่งจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเดิน เพราะกระดูกเชิงกรานของผู้ป่วยแตกหักทั้งสองข้าง ต้องรักษากายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง" น.พ.นิลวัฒน์ กล่าว

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้บาดเจ็บนั้น น.พ.นิลวัฒน์ กล่าวว่า

ในส่วนค่าใช้จ่ายนั้น โรงพยาบาลและแพทย์ผู้ตรวจรักษายังไม่ได้คิดแต่อย่างใด ตอนนี้แพทย์คิดเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติ โดยเรื่องค่าใช้จ่าย เบื้องต้นบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยของรถผู้ก่อเหตุได้ติดต่อเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ ดูแลค่ารักษาพยาบาลตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ หากค่ารักษาเกินอัตราที่บริษัทประกันภัยทำไว้ ก็ได้รับการยืนยันจาก นางสาวิณี ปะการะนัง มารดาของผู้ก่อเหตุ ว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาส่วนที่เกินทั้งหมด และคงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งแพทย์จะรักษาอาการบาดเจ็บของ น.ส.แสงมณี อย่างสุดความสามารถจนกว่าจะหายเป็นปกติ


"กัณฑ์พิทักษ์"ถูกคุมเข้ม


ส่วนความเคลื่อนไหวที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ซึ่งนายกัณฑ์พิทักษ์นอนพักรักษาตัวหลังเกิดเหตุ และล่าสุดตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้นายกัณฑ์พิทักษ์ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้อง 162 ชั้น 6 ของโรงพยาบาล โดยมีญาติเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด และมีกำลังตำรวจ สน.ทองหล่อ เฝ้าควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าห้องอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีญาติและเพื่อนของนายกัณฑ์พิทักษ์หลายคนเดินทางมาเยี่ยม

แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดไว้ อนุญาตเฉพาะบางรายเท่านั้น ขณะที่โรงพยาบาลสมิติเวชปฏิเสธข่าวจะมีการแถลงอาการบาดเจ็บของนายกัณฑ์พิทักษ์ ส่วนนายกัณฑ์เอนก และนางสาวิณี บิดามารดาของนายกัณฑ์พิทักษ์ ตลอดทั้งวันยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่มีการให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น


ตำรวจเชื่อขอประกันแน่


ส่วนความเคลื่นไหวที่ สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 กรกฎาคม พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5 ไปตรวจสอบความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 กรกฎาคม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช และแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายกัณฑ์พิทักษ์ 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกายผู้อื่น จากนั้นได้สอบปากคำตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายอย่างครบถ้วน ในส่วนของการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เบื้องต้นตำรวจตั้งไว้หลักทรัพย์เงินสด 4 แสน หากเป็นอสังหาริมทรัพย์ก็เป็น 2 เท่าที่ได้ตั้งหลักทรัพย์ไว้ คือ 8 แสนบาท โดยให้เวลายื่นหลักทรัพย์ถึงวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งคาดว่านายกัณฑ์เอนกจะยื่นประกันตัวลูกชายอย่างแน่นอน เพราะนายกัณฑ์เอนกอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารโฉนดที่ดิน  "หากมีการขอยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เมื่อทำตามขั้นตอนแล้วก็ เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการอนุญาตให้ประกัน เพราะผู้ต้องหาคงไม่คิดหลบหนี ขณะเดียวกันก็จัดตำรวจไปดูแลที่โรงพยาบาลสมิติเวช ตลอด 24 ชม. ซึ่งยังไม่ต้องย้ายนายกัณฑ์พิทักษ์ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อน แต่หากย้ายไปโรงพยาบาลตำรวจก็จะได้รับความสะดวกกว่านี้ เพราะที่โรงพยาบาลตำรวจมีห้องควบคุมดูแลผู้ต้องหาที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาจัดกำลังตำรวจมาคอยควบคุมดูแลเช่นนี้" ผบก.น.5 กล่าว 

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า หลังรับทราบข้อกล่าวหาทั้งสามข้อหาแล้ว

นายกัณฑ์พิทักษ์ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่มีเจตนาฆ่าผู้อื่น หรือทำร้ายร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้การในชั้นศาล ซึ่งพบว่าผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น สามารถพูดคุยได้ ให้ปากคำได้ ไม่มีอาการหนักหนาสาหัสอะไร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้เวลายื่นหลักทรัพย์ประกันตัวถึงเวลา 16.00 น. วันที่ 9 กรกฎาคม หากผู้ต้องหา หรือญาติไม่มาติดต่อขอประกันตัว พนักงานสอบวนก็จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลต่อไป


ยังไม่สอบปากคำ


ด้าน พ.ต.ท.ญาณวุฒิ เลี่ยมแก้ว พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี กล่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหานายกัณฑ์พิทักษ์แล้ว แต่ยังไม่ได้สอบปากคำอะไรมากนัก เพราะผู้ต้องหาอ้างว่ายังบาดเจ็บ และยังไม่พร้อมให้ปากคำใดๆ ขอรักษาตัวในโรงพยาบาลไปก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาต้องอยู่ในความดูแลควบคุมของตำรวจด้วย และเท่าที่ดูผู้ต้องหายังอยู่ในอาการบาดเจ็บจริง ส่วนการประกันตัวนั้น ญาติสามารถยื่นหลักทรัพย์ได้ก่อนเวลาที่กำหนด หากไม่มาติดต่อก็ต้องฝากขังที่ศาลพระโขนง ถ้าเจ้าตัวไม่สามารถมาได้ หรือยังไม่หายดี ก็ให้นำใบรับรองแพทย์มายื่นต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาต่อไป ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ญาติของนายกัณฑ์พิทักษ์จะใช้ตำแหน่งของลุง คือ พล.ต.ท.อุกฤษฎ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ยื่นประกันตัวในวงเงิน 1 ล้านบาท แต่มีเหตุไม่พร้อม ดังนั้น นายกัณฑ์เอนกจึงต้องใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวแทน

รอ"กัณฑ์พิทักษ์"กราบขอขมาศพ


วันเดียวกัน น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ อายุ 25 ปี บุตรสาวของ นางสายชล หลวงแสง อายุ 42 ปี พนักงานการเงินของ ขสมก. ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า

จนถึงวันนี้ตนยังรู้สึกช็อกและเสียใจไม่หายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว และในเวลา 18.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม จะเป็นวันฌาปนกิจศพแม่ ตนอยากให้นายกัณฑ์พิทักษ์มากราบขอขมาศพ เพื่อเป็นการขออโหสิกรรมต่อแม่ และตนเชื่อว่าแม่ต้องให้อภัย อโหสิกรรมแก่นายกัณฑ์พิทักษ์อย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงนางสาวิณี แม่ของนายกัณฑ์พิทักษ์ มากราบขอขมาศพแทนลูกชาย ซึ่งนางสาวิณีบอกกับตนว่า ลูกชายของเขารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่สามารถมากราบขอขมาศพแม่ของตนได้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของลูกชายต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ น.ส.สุชีรา กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของนายกัณฑ์พิทักษ์หนักหนาสาหัสมากน้อยแค่ไหน แต่ตนก็รับฟังในสิ่งที่ผู้ปกครองและแพทย์ของนายกัณฑ์พิทักษ์กล่าวถึง หากมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะตนถือเอาความสะดวกเป็นหลัก และไม่สามารถบีบบังคับให้นายกัณฑ์พิทักษ์ หรือใครๆ มากราบขอขมาศพแม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็ได้รับคำยืนยันจากนางสาวิณีว่า จะมาร่วมงานฌาปนกิจศพของแม่ในเย็นวันนี้ ซึ่งตนก็รู้สึกดีในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่นางสาวิณีมาร่วมงานมากราบศพส่วนตัวไม่ถือว่าเป็นการทำแทนลูกชาย เพราะสิ่งเกิดขึ้นไม่มีใครสามารถทำแทนใครได้ และหลังงานศพแม่เสร็จสิ้นแล้ว ญาติและผู้หลักผู้ใหญ่ของแม่จะดูแลเรื่องค่าเสียหายต่างๆ ตามความเหมาะสม

ไร้เงาหมูแฮมเผาเหยื่อซิ่ง


เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศาลาหมดทุกข์ 1 วัดทองคง หมู่ 6 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สถานที่จัดงานศพนางสายชล หลวงแสง อายุ 42 ปี

พนักงานการเงินของ   ขสมก.ที่เสียชีวิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติและเพื่อนพนักงานได้มาร่วมงานเตรียมพิธีฌาปนกิจนางสายชลโดยได้เคลื่อนย้ายพวงหรีดจำนวนมากออกมาวางไว้ด้านนอกศาลาใกล้กับเมรุเผาศพ ก่อนจะมีการฌาปนกิจในเวลา 18.00 น. ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ  ลูกสาวของนางสายชล กล่าวว่า หลังเผาศพแม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเพราะตลอดเวลาที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่เป็นผู้นำมาตลอด คอยสั่งสอนให้ตนและหลานเป็นคนดี ขยันทำงานเพื่อจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและแม่ยังสั่งนักสั่งหนาว่าอย่างไปเอาเปรียบคนอื่น และต้องเป็นคนรู้จักบุญคุณของคนที่เคยช่วยเหลือครอบครัว โดยเฉพาะยายที่อายุมากแล้ว


ส่วนในเรื่องที่มีข่าวว่านายกัณฑ์พิทักษ์ ซึ่งเป็นผู้ขับรถชนแม่จนเสียชีวิต

ที่บอกว่าจะเดินทางมาร่วมเผาศพนั้น น.ส.สุชีรา กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนางสาวิณี ปะการะนัง แม่ของผู้ก่อเหตุแต่อย่างไร ตลอดเวลาตนพยายามทำใจมาโดยตลอด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังทำใจไม่ได้  ส่วนที่ต้องฌาปนกิจในเวลา 18.00 น. เพราะว่าเพื่อนที่ทำงานของแม่จะเลิกงานในเวลา 17.00 น. กว่าจะเดินทางมาถึงวัดก็ประมาณ 18.00 น.


เหยื่อทวงถามความรับผิดชอบ


นางสังวาลย์ สีหะวงษ์ อายุ 26 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นายกัณฑ์พิทักษ์ขับรถเบนซ์พุ่งชน และยังนอนรักษาตัวอยู่ในห้อง 608 โรงพยาบาลวิภาราม โดยมีสามี ลูกสาวฝาแฝด และญาติ เฝ้าดูอาการ ซึ่งนางสังวาลย์ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวาและหลัง ขาทั้งสองข้างเกือบทั้งหมด เนื่องจากขณะเกิดเหตุร่างเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ กระดูกเชิงกรานข้างซ้ายและขวาหัก แพทย์ได้ผ่าตัดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม โดยตัดชิ้นเนื้อที่สะโพกมาแปะที่แขนขวาและหลังเพราะถูกท่าไอเสียลวกเป็นแผลเหวอะ

นางสังวาลย์ กล่าวว่า ไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์ แต่ต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้

เจ็บบาดแผลตามลำตัวมากพออยู่แล้ว ยังต้องเจ็บเพราะต้องผ่าตัดเอาเนื้อส่วนสะโพกมาแปะตามร่างกายอีก จนถึงขณะนี้อาหารก็ไม่ดีขึ้น แต่ได้กำลังใจดีจากสามีและลูกๆ รวมทั้งญาติๆ "จังหวะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ขอตัวเดินผ่านกลุ่มคนที่ทะเลาะกัน พอเดินไปได้ 2-3 ก้าว ก็ไม่รู้ว่ารถคันเกิดเหตุมาจากไหนมาทับตัวฉันไว้โดยไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวอีกทีก็มานอนใต้ท้องรถ ทั้งเจ็บและร้อนมาก ไม่รู้ว่าคนที่ทำเขาจะรู้สึกบ้างหรือไม่ หากตอนนั้นตนเองตายไปลูกๆ จะอยู่อย่างไร หลังเกิดเหตุได้ติดตามข่าวว่าเขาจะรับผิดชอบอย่างไร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครมาพูดคุยให้เราสบายใจ เมื่อดูข่าวที่ผ่านมาไม่พอใจคำพูดของบิดานายกัณฑ์พิทักษ์ที่ออกมาพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร หากเขาไม่ยอมมาเจรจา ตนจะต่อสู้ทางคดีจนถึงที่สุด เพราะตอนนี้ลำบากมาก หลังประสบเหตุสามีไม่มีรายได้ ตนทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว ค่อนข้างลำบาก" นางสังวาลย์ กล่าว


ด้าน ด.ญ.แพร และ ด.ญ.พลอย ลูกสาวของนางสังวาลย์ กล่าวว่า อยากให้แม่หายเร็วๆ สงสารแม่ที่เป็นแบบนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เวลา 14.30 น. นางสาวิณี มารดาของนายกัณฑ์พิทักษ์ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จะมาเยี่ยมนางสังวาลย์ในเวลา 15.00 น. พอถึงเวลานัดหมายกลับไม่มาตามที่แจ้งไว้ ทำให้ญาติของผู้เสียหายไม่พอใจ แม่สายชลช็อกหลังอ่านจ.ม. ต่อมาในเวลา 18.30 น.  ในงานฌาปนกิจนางสายชล หลวงแสง ซึ่งมีญาติเพื่อนร่วมงานและประชาชนกว่า 1,000 คนมาร่วมพิธี

นางสาวิณี ปะการะนัง แม่ของนายกัณฑ์พิทักษ์ได้เดินทางมาพร้อมด้วยพวงมาลัย ดอกไม้จันทน์

และนำจดหมายของลูกชายมามอบให้ น.ส.สุชีรา  ลูกสาวของนางสายชล ต่อมา น.ส.สุชีรานำนางสาวิณีไปพบนางทองดำ หลวงแสง อายุ 79 ปี แม่ของนางสายชล จากนั้นได้เปิดจดหมายของนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ และอ่านให้นางทองคำฟัง ปรากฏว่า นางทองคำเกิดอาการช็อกจนหมดสติ สร้างความตกตะลึงให้แก่ญาติและผู้มาร่วมงานที่ต้องช่วยกันอุ้มนางทองคำไปส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยเร็ว สำหรับข้อความในจดหมายนั้น มีใจความว่า
 
“กราบเรียนครอบครัวคุณสายชล กระผมหมูแฮม มีความประสงค์จะไปเยี่ยมครอบครัวพวกท่านเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องด้วยสภาพร่างกายและจิตใจของผมยังไม่พร้อมจึงขอโทษเป็นอย่างมาก ผมได้ฝากดอกไม้จันทน์มาเคารพศพ และพวงมาลัยมากราบขอขมาพวกท่าน ถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะไปเคารพศพไม่ได้ แต่ผมมีความประสงค์จะบวชให้คุณสายชล หลังจากที่ผมหายเป็นปกติ และตัวผมนั้นจะขออุทิศชีวิตที่เหลือทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในคนที่จะช่วยเหลือครอบครัวของท่านตลอดไป ลงชื่อ หมูแฮม”

ขณะเดียวกัน พี่ชายของนางสายชลซึ่งบวชเป็นพระได้ตรงเข้ามาต่อว่า นางสาวิณีว่า

ทำไมต้องมาทำลายครอบครัวของตนด้วย และพยายามไล่ให้นางสาวิณีกลับไป แต่ญาติส่วนหนึ่งก็ห้ามปราม และยังได้เชิญนางสาวิณีขึ้นทอดผ้าบังสุกุล และประชุมเพลิงศพ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธี นางสาวิณีก็เดินทางกลับในทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบของ สภ.อ.เมืองสมุทรปราการคอยคุ้มกันให้เกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย แต่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์