หมูแฮมส่งจม.ร่วมงานเผาศพ ประกาศบวชอุทิศส่วนกุศลให้

ลุงเปลี่ยนใจไม่ใช้ตำแหน่งอดีต ผช.ผบ.ตร.ประกันตัวให้หลานชาย ลูกอดีตนางสาวไทย พ่อวิ่งโร่หาโฉนดที่ดิน 8 แสนบาท คาดยื่นขอประกันพรุ่งนี้ ก่อนถูกพนักงานสอบสวนหิ้วตัวไปศาล เพื่อขอฝากขังต่อ ลูกเหยื่อรถเบนซ์ครวญไม่มีใครทำแทนใครได้ เหยื่ออีกรายยังอยู่ห้องไอซียูติดเชื้อ กรมคุ้มครองสิทธิฯนำเหยื่อหารือให้ค่าชดเชยหรือไม่

(8 ก.ค.) คืบหน้าคดีนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือหมูแฮม ลูกชายอดีตนางสาวไทย ผู้ต้องหาที่ก่อคดีขับรถเบนซ์ พุ่งชนผู้โดยสารรถประจำทาง ที่ยืนอยู่บนฟุตบาทเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหนัก 3 ข้อหา คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นคดีอาญามีโทษหนัก โดยนายกัณฑ์พิทักษ์ ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวช และมีญาติเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันก็มีตำรวจ สน.ทองหล่อ เฝ้าควบคุมสถานการณ์อยู่บริเวณหน้าห้องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีญาติและเพื่อนของนายกัณฑ์พิทักษ์ เดินทางมาเยี่ยม แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอนุญาตเฉพาะบางรายเท่านั้น 

ส่วนนายกัณฑ์เอนก และนางสาวิณี บิดาและมารดาของนายกัณฑ์พิทักษ์ ยังคงเก็บตัวเงียบ ยังไม่มีการให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น


ส่วนความเคลื่นไหวที่ สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.5 ได้เดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าของคดี พร้อมเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ช่วงค่ำวานนี้ (7 ก.ค.) พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช และแจ้งข้อกล่าวหากับนายกัณฑ์พิทักษ์ 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกายผู้อื่น จากนั้นได้สอบปากคำตามขั้นตอนกระบวนการของกฏหมายอย่างครบถ้วน

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการประสานจากนายกัณฑ์เอนก ในส่วนของการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว โดยตั้งไว้หลักทรัพย์เงินสด 4 แสน หากเป็นอสังหาริมทรัพย์ก็เป็น 2 เท่าที่ได้ตั้งหลักทรัพย์ไว้ คือ 8 แสนบาท โดยให้เวลายื่นหลักทรพย์ถึงวันที่ 9 ก.ค.นี้ คาดว่านายกัณฑ์เอนก จะยื่นประกันตัวบุตรชายอย่างแน่นอน เนื่องจากนายกัณฑ์เอนกอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารโฉนดที่ดิน 

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวอีกว่า หากมีการขอยื่นหลักทรพย์ประกันตัว เมื่อทำตามขั้นตอนแล้วก็เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ในการอนุญาตให้ประกันตัว เพราะผู้ต้องหาคงไม่คิดหลบหนี ขณะเดียวกันก็จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลที่โรงพยาบาลสมิติเวชตลอด 24 ชม. ซึ่งยังไม่ต้องย้ายตัวนายกัณฑ์พิทักษ์ไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อน แต่หากย้ายไปโรงพยาบาลตำรวจก็จะได้รับความสะดวกกว่านี้ เพราะที่โรงพยาบาลตำรวจมีห้องควบคุมดูแลผู้ต้องหาที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาจัดกำลังตำรวจมาคอยควบคุมดูแลเช่นนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ทั้ง 3 ข้อหาแล้ว นายกัณฑ์พิทักษ์ ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่มีเจตนาฆ่าผู้อื่น หรือทำร้ายร่างกายใดๆทั้งสิ้น และขอให้การในชั้นศาล ซึ่งพบว่าผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น สามามารถพูดคุยได้ ให้ปากคำได้ ไม่มีอาการหนักหนาสาหัสอะไร โดยทางตำรวจจะให้เวลายื่นหลักทรัพย์ประกันตัวถึงเวลา 16.00 น. วันที่ 9 ก.ค.นี้หากผู้ต้องหาหรือญาติไม่มาติดต่อขอประกันตัว พนักงานสอบวนก็จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลต่อไป 

ด้าน พ.ต.ท.ญาณวุฒิ เลี่ยมแก้ว พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี กล่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหานายกัณฑ์พิทักษ์แล้ว แต่ยังไม่ได้สอบปากคำอะไรมากนัก เพราะผู้ต้องหาอ้างว่ายังบาดเจ็บ และยังไม่พร้อมให้ปากคำใดๆ ขอรักษาตัวในโรงพยาบาลไปก่อน อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาต้องอยู่ในความดูแลควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และเท่าที่ดูผู้ต้องหายังอยู่ในอาการบาดเจ็บจริง ส่วนการประกันตัวนั้นทางญาติสามารถยื่นหลักทรัพย์ได้ทันทีก่อนเวลา 16.00 น.วันที่ 9 ก.ค. หากไม่มาติดต่อก็ต้องฝากขังที่ศาลพระโขนง ถ้าเจ้าตัวไม่มาสารถมาได้หรือยังไม่หายดี ก็ให้นำใบรับรองแพทย์มายื่นต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณาต่อไป  

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวรายงานว่า ญาติของนายกัณฑ์พิทักษ์ จะใช้ตำแหน่งของลุง คือ พล.ต.ท.อุกฤษฎ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ อดีต ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยื่นประกันตัวในวงเงิน1 ล้านบาท แต่มีเหตุไม่พร้อม ดังนั้นนายกัณฑ์เอนก จึงต้องใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวแทน


ลูกเหยื่อรถเบนซ์ครวญไม่มีใครทำแทนใครได้

ขณะที่น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ อายุ 25 ปี พนักงานขายบริษัท ไอดี แอดวานซ์ จำกัด บุตรสาวของนางสายชล หลวงแสง อายุ 42 ปี พนักงานการเงินของ ขสมก. ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า จนถึงวันนี้ตนยังรู้สึกช็อค และเสียใจไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตน และในวันนี้ เวลา 18.00 น.จะเป็นวันฌาปนกิจศพของแม่ ตนอยากให้นายกัณฑ์พิทักษ์ ผู้เป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ของตนเสียชีวิตมากราบขอขมาศพ เพื่อเป็นการขออโหสิกรรมต่อแม่ และตนเชื่อว่าแม่ต้องให้อภัย ให้อโหสิกรรมแก่นายกัณฑ์พิทักษ์อย่างแน่นอน 

ที่ผ่านมา มีเพียงนางสาวิณี ปะการะนัง แม่ของนายกัณฑ์พิทักษ์ มากราบขอขมาศพแม่ตนแทนลูกชาย ซึ่งนางสาวิณี บอกกับตนว่า ลูกชายเขารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่สามารถมากราบขอขมาศพแม่ของตนได้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของลูกชายต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

 น.ส.สุชีรา กล่าวอีกว่า ตนไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของนายกัณฑ์พิทักษ์ หนักหนาสาหัสมากน้อยแค่ไหน แต่ตนก็รับฟังในสิ่งที่ผู้ปกครองและแพทย์ของนายกัณฑ์พิทักษ์กล่าวถึง หากมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะตนถือเอาความสะดวกเป็นหลัก และตนก็ไม่สามารถบีบบังคับให้นายกัณฑ์พิทักษ์ หรือใครๆมากราบขอขมาศพแม่ได้

ขณะเดียวกันก็ได้รับคำยืนยันจากนางสาวิณีว่าจะมาร่วมงานฌาปนกิจศพของแม่ในเย็นวันนี้ ซึ่งตนก็รู้สึกดีในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่นางสาวิณีมาร่วมงาน มากราบศพ ตนไม่ถือว่าเป็นการทำแทนลูกชาย เพราะสิ่งเกิดขึ้นไม่มีใครสามารถทำแทนใครได้ และหลังจากงานศพของแม่เสร็จสิ้นแล้วทางญาติ และผู้หลักผู้ใหญ่ของคุณแม่ จะดูแลเรื่องค่าเสียหายต่างๆตามความเหมาะสม


บรรยากาศก่อนเผาศพพนักงานขสมก.

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 ก.ค.  ที่ศาลาหมดทุกข์ 1 วัดทองคง หมู่ 6 ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ญาติของนางสายชล และเพื่อนพนักงาน  ได้เดินทางมาร่วมกันเตรียมพิธีฌาปนกิจนางสายชล โดยได้มีการเคลื่อนย้ายพวงหรีดจำนวนมากออกมาวางไว้ด้านนอกศาลใกล้กับเมรุเผาศพ 

เนื่องจากช่วง 17.00 น.ได้มีศพของประชาชนที่นำมาตั้งสวดพระอภิธรรมพร้อมกันจะขึ้นทำการฌาปนกิจก่อนในช่วงเวลา 17.30 น.ทางเจ้าภาพและเพื่อนพนักงาน ขสมก. จึงได้เคลื่อนย้ายพวงหรีดและดอกไม้จันออกมาวางเอาไว้ใกล้ๆ เมรุรอจนกว่าศพของชาวบ้านจะขึ้นเผาเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะนำพวงหรีดและดอกไม้จันขึ้นไปจัดแทนที่ โดยบรรยากาศทั่วไปท่ามกลางญาติและเพื่อนร่วมงานเป็นไปอย่างโศกเศร้า 

ขณะที่ น.ส.สุชีรา กล่าวอีกว่า หลังจากพิธีเผาศพแม่เสร็จเรียบร้อยแล้วตนก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเพราะตลอดเวลาที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่เป็นผู้นำมาตลอดคอยสั่งสอนให้ตนและหลานเป็นคนดีขยันทำงานเพื่อทีจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและแม่ยังสั่งนักสั่งหนาว่าอย่างไปเอาเปรียบคนอื่นอย่างเด็ดขาด และต้องเป็นคนรู้จักบุญคุณของคนที่เคยช่วยเหลือครอบครัวเรามาโดยเฉพาะยายที่อายุมากแล้วเรายังอยู่ให้เลี้ยงดูท่านให้ดี 


"กัณฑ์พิทักษ์"ยังไม่ติดต่อไปเผาศพเหยื่อ

"ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่านายกัณฑ์พิทักษ์จะเดินทางมาร่วมเผาศพของแม่ตนนั้นในขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก นางสาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์ แต่อย่างไร ตลอดเวลาตนพยายามทำใจมาโดยตลอดแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ต่อการจากไปของแม่" น.ส.สุชีรา กล่าวและว่า 

ส่วนที่ต้องฌาปนกิจแม่ของตนในเวลา 18.00 น.นั้นเป็นเพราะว่า ส่วนใหญ่เพื่อนที่ร่วมงานของแม่จะเลิกงานในช่วง 17.00 น.และกว่าจะเดินทางมาถึงวัดก็ประมาณ 18.00 น. หลังจากที่เผาศพแม่เรียบร้อยแล้วตนยังมองอนาคตข้างหน้าของตนและหลานชายวัย 15 ปี ที่ป่วยทางสมองไม่ออกว่าจะไปในทิศทางใด แต่ตนก็จะพยายามประคับประคองให้ดีที่สุด


แม่เหยื่อช็อคหลังฟังอ่านจม.หมูแฮม

ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. ได้ถึงเวลาฌาปนกิจศพโดยโฆษกได้ประกาศให้แขกผู้มีเกียรติขึ้นทำการทอดผ้าบังสุกุลหน้าศพ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ นางสาวนี  เดินทางมาถึงวัดโดยในมือถือพานที่ใส่ดอกไม้จันพร้อมด้วยพวงมาลัยและจดหมายที่นางสาวินี บอกว่า นายกัณฑ์พิทักษ์ บุตรชายได้เขียนจดหมายฝากมาและฝากดอกไม้จันมาร่วมเผาศพนางสายชลด้วย 

หลังจากนั้นนางสาวินี ได้นำพวงมาลัยเข้าไปกราบขอขมานางทองดำ หลวงแสง อายุ 79 ปี แม่ของนางสายชล พร้อมทั้งอ่านจดหมายที่ลูกชายเขียนมา ให้นางทองดำ ฟังโดยมีใจความว่า 

“กราบเรียนครอบครัวคุณสายชล กระผมหมูแฮม มีความประสงค์จะไปเยี่ยมครอบครัวพวกท่านเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องด้วยสภาพร่างกายและจิตใจของผมยังไม่พร้อมจึงขอโทษเป็นอย่างมาก ผมได้ฝากดอกไม้จันมาเคารพศพ และพวงมาลัยมากราบขอขมาพวกท่าน ถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะไปเคารพศพไม่ได้ แต่ผมมีความประสงค์จะบวชให้คุณสายชล หลังจากที่ผมหายเป็นปกติ และตัวผมนั้นจะขออุทิศชีวิตที่เหลือทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในคนที่จะช่วยเหลือครอบครัวของท่านตลอดไป ลงชื่อ หมูแฮม ”

 หลังจากที่นางทองดำ ได้ฟังข้อความในจดหมายถึงกับช๊อค ไม่ยอมรับจดหมายและพวงมาลัยที่นางสาวินี นำมาขอขมา และเป็นลมล้มพับญาติต้องช่วยกันรีบหามขึ้นรถสามล้อเครื่องส่งโรงพยาบาลซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าไปส่งที่โรงพยาบาลใด 

ขณะเดียวกันพี่ชายของผู้ตายซึ่งบวชเป็นพระได้ตรงเข้ามาต่อว่า นางสาวินี ว่าทำไมต้องมาทำลายครอบครัวของตนด้วย และพยายามไล่ให้นางสาวินี กลับไป หลังจากเกิดเรื่องความวุ่ยวายอยู่พักใหญ่พิธีการฌาปนกิจ ก็เริ่มขึ้นโดยมีนายสถิต วิสาขศาสตร์ ผู้อำนวยการเขตเดินรถที่ 3 ขึ้นเป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล

หลังจากนั้นทางเจ้าภาพยังได้เชิญนางสาวินี  แม่ของ นายกัณฑ์พิทักษ์ ขึ้นทำการทอดผ้าบังสกุล และประชุมเพลิงศพ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติ โดยเฉพาะ น.ส.สุชีรา บุตรสาวของผู้ตายที่ร้องไห้ปานจะขาดใจ 

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีประชุมเพลิงศพ นางสาวินี ได้รีบเดินทางกลับในทันทีโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบของ สภ.อ.เมือง จ.สมุทรปราการ คอยคุ้มกันให้เกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย แต่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติ


เหยื่ออีกรายยังอยู่ห้องไอซียูติดเชื้อ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ นพ.นิลวัฒน์ คุประตกุล แพทย์โรงพยาบาลคามิเลียน เจ้าของไข้ทำการตรวจรักษาอาการบาดเจ็บของนางแสงมณี อิมโซรารี หนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ที่ถูกนายกัณฑ์พิทักษ์ ขับรถเบนซ์พุ่งชน เปิดเผยอาการว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้องให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อบาดแผลอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังพบรอยถลอกคลูดบริเวณด้านหลังและหัวไหล่ติดเชื้อ ยังคงต้องให้รักษาตัวในห้องไอซียู และใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะผู้ป่วยมีปัญหาในการหายใจ เพราะกระดูกซี่โครงหักทั้งหมด เบื้องต้นยังพูดคุยได้ โดยอีกประมาณ 2 สัปดาห์อาาการของผู้ป่วยน่าจะดีขึ้น แต่เมื่อรักษาผู้ป่วยหายแล้ว ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ซึ่งจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเดิน เพราะกระดูกเชิงกรานของผู้ป่วยได้แตกหักทั้ง 2 ข้าง ต้องทำการรักษากายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง 

นพ.นิลวัฒน์ ได้ตอบข้อซักถามในส่วนค่าใช้จ่ายที่ญาติผู้ต้องหาแสดงความรับผิดชอบ ในการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บว่า ในส่วนค่าใช้จ่ายทางโรงพยาบาล และแพทย์ผู้ตรวจรักษายังไม่ได้คิดแต่อย่างใด คิดเพียงแต่ว่าจะทำอย้างไรให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติ โดยเรื่องค่าใช้จ่ายเบื้องต้นทางบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยของรถผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ และดูแลค่ารักษาพยาบาลตามอัตราส่วนที่กำหนดเอาไว้ หากค่ารักษาเกินอัตราที่ทางบริษัทประกันภัยได้ทำไว้ ได้รับการยืนยันจากนางสาวิณี ผู้เป็นมารดาของผปู้ก่อเหตุ ว่า จะรับผิดชอบค่ารักษาส่วนที่เกินทั้งหมด และคงไม่มีปัญหาอะไร แพทย์จะทำการรักษาอาการบาดเจ็บของนางสาวแสงมณีจนสุดความสามารถ จนกว่าคนไข้จะหายเป็นปกติ 


ญาติเหยื่อแจ้งความเอาผิดเพิ่มอีก

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ได้มีผู้เสียหายเดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายกัณฑ์พิทักษ์ เพิ่มอีกหนึ่งราย คือ นางญาณิศา โตจวง อายุ 41 ปี ภรรยาของนายมาโนช  โตจวง อายุ 36 ปี ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสหลังถูกอุบัติเหตุรถเบนซ์ของนายกัณฑ์พิทักษ์ชนเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.กล้วยน้ำไท1 โดยผู้เสียหายได้แจ้งความในข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งมี พ.ต.ท.ญาณวุฒิ เลี่ยมแก้ว พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เป็นเจ้าของคดี

 นางญาณิศา กล่าวว่า เนื่องจากในวันเกิดเหตุ คืนวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาสามีได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นวันรุ่งขึ้น (5 ก.ค.) จึงได้ทำเรื่องขอย้ายมาโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท1 ตอนนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ชั้น 4  โดยสามีได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ซี่โครงตั้งแต่ซี่ที่ 2-8 หัก กระดูกเชิงกราน และสะโพกขวาหัก ไหล่ขวาหัก ซึ่งบาดเจ็บสาหัสมาก แต่ทางครอบครัวของนายกัณฑ์พิทักษ์ก็ยังไม่ได้มาดูแลช่วยเหลือแต่อย่างใด

"นอกจากนี้ยังให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้ เป็นหลักฐาน เพื่อใช้เป็นข้อยืนยันในการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากต้นสังกัดที่ทำงานของสามีด้วย"นางญาณิศา กล่าวและว่า

นายมาโนชเป็นหัวหน้าครอบครัว ปกติตนกับสามีจะช่วยกันทำงาน เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และยังมีลูกวัย 4 ขวบ ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 แต่ตอนนี้สามีต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่สามารถทำงานได้ รายได้ก้หดหาย สร้างความลำบากให้กับครอบครัว เพราะต่อจากนี้ไปอย่างน้อย 1 ปี สามีของตนก็ยังไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลานานแรมปีกว่าอาการบาดเจ็บของสามีจะหาย และเมื่อหายแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นปกติเหมือนเดิม

ขณะนี้สามีของตนยังอยู่ห้องไอซียู และยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ยังดีที่วันนี้แพทย์บอกว่าอาการสามีดีขึ้นกว่าวันก่อนๆมาก

 "ฉันรู้สึกเสียใจ คับแค้นใจ และโกรธแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ไม่อยากให้อภัยคนที่ทำเช่นนี้เลย ทำลงไปได้ยังไง คนชั้นล่างชั้นต่ำไม่ใช่คนเหมือนกับเขาหรือยังไง ทำไมถึงโหดร้ายเช่นนี้ และยิ่งไปกว่านั้น พ่อของคนก่อเหตุยังออกมาปกป้องลูกอย่างน่าเกลียด และดูถูกคนชั้นล่าง คนจนอย่างเราๆ  มิหนำซ้ำยังขู่จะฟ้องดำเนินคดีเอาผิดคนที่มาทำร้ายลูกของเขา ซึ่งเขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ลูกเขาทำกับคนอีกหลายคนมันหนักหนาสาหัสขนาดไหน มีทั้งคนตาย ทั้งคนบาดเจ็บ ซึ่งมีสามีของฉันรวมอยู่ด้วย ถ้าฉันอยู่ในที่เกิดเหตุฉันไม่เพียงด่าหรือทำร้ายเขาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ฉันอยากจะฆ่าเขาให้ตายเสียด้วยซ้ำ เพื่อให้สาสมกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป " นางญาณิศา กล่าว


กรมคุ้มครองสิทธิฯนำเหยื่อหารือให้ค่าชดเชยหรือไม่

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปพบเหยื่อในเหตุการณ์ที่ถูกนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ ขับรถเบนซ์ชนแล้ว เพื่อรับเรื่องในการขอรับค่าตอบแทนกรณีที่เป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ทันทีที่ตำรวจมีการแจ้งข้อหาในคดีอาญา และสอบปากคำนายกัณฑ์พิทักษ์ ก็จะทำการรับเรื่องเหยื่อได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้เป็นความผิดโดยประมาทและความผิดในคดีจราจร ผู้เสียหายสามารถเรียกค่าเสียหายกรณีที่ถูกละเมิดจากผู้กระทำความผิดได้ และยังมี พ.ร.บ.การจราจร ซึ่งคุ้มครองบุคคลที่ 3 ประกอบกับกรณีนี้เหยื่ออาจได้รับค่าชดเชยจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่นายกัณฑ์พิทักษ์ ทำได้ จึงต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการ ซึ่งเหยื่ออาจจะได้รับค่าชดเชยจำนวนน้อยหรืออาจจะไม่ได้รับ หากซ้ำซ้อนกับการประกันภัยและการคุ้มครองของ พ.ร.บ.การจราจร


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์