บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้า เพื่อนๆร่วมชั้นก็ได้ร่วมกันไว้อาลัยด้วยการร้องเพลง เราและนาย โดยมีหลายคนที่ร้องไห้ รวมไปถึงแม่ของน้องแอปเปิ้ลที่แอบยืนร้องไห้อยู่ด้านหลังโลงศพของลูกสาวฟังเสียงเพลงที่เพื่อนๆ น้องแอปเปิ้ล ร่วมกันร้องเพลงไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
จากนั้นอยู่ดีๆลูกสาวของแม่ครัวชาวเมียนมาที่มาช่วยทำอาหารในงาน ส่งเสียงกรีดร้องและลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น คนที่อยู่ใกล้เคียงต้องวิ่งเข้าไปประคองร่างขึ้นมา จากนั้น หนึ่งในผู้ที่มาร่วมงานก็บอกว่า อาการเหมือนกับมีวิญญาณของน้องแอปเปิ้ลเข้าสิงร่าง ทำให้คนที่เข้าไปห้อมล้อมตัดสินใจถามต่อร่างดังกล่าว ว่า ใครทำลูก ใครทำร้ายลูกกี่คน ให้บอกมา ท่ามกลางควาสนใจของผู้มาร่วมงาน ซึ่งร่างที่ถูกเข้าสิงขอเข้ากอดนางมาริษาผู้เป็นมารดา โดยนางมาริษาก็นำผ้าชุบน้ำมาเช็ดและลูบใบหน้าให้ และมีการสอบถามถามว่า ใครเป็นผู้ทำร้ายน้อง ก่อนจะช่วยกันพยุงเพื่อไปชี้ตัวคนทำร้ายที่อยู่ในงานศพนี้ด้วย ซึ่งผู้ถูกสิงร่างยังมีอาการกรีดร้อง และส่งเสียงดังตลอดเวลา ก่อนจะออกเดินมานอกศาลาการเปรียญ ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมพิธีมุงดูอย่างสนใจ โดยเพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์และกลุ่มแม่ครัวที่มาช่วยงานยืนยันว่า ลูกสาวแม่ครัวคนนี้ฟังและพูดไทยไม่ได้
ทั้งมีรายงานว่า ร่างที่ถูกสิงเดินไปชี้ตัวกลุ่มเพื่อนๆที่มาร่วมงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น จึงนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องออกมานอกงาน เพื่อให้พิธีดำเนินการต่อไป ภายหลังจากมีการวางดอกไม้จันเสร็จสิ้น ก็เคลื่อนย้ายโลงศพไปยังที่เมรุเผาศพ ที่โดยภายในโลงน้องแอปเปิ้ลนอกจากจะใส่ดอกไม้จัน กระดาษเงินกระดาษทอง ยังมีกระเป๋าสะพานเป้นักเรียน ซึ่งมีหนังสือ ที่น้องแอปเปิ้ล ผู้เสียชีวิตรักเป็นชีวิตจิตใจ ใส่เผารวมไปด้วย