เหยื่อเบนซ์ดับ1แม่รับลูกผิดจริง พร้อมรับโทษ-ชี้เคยป่วยทางจิต

ตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนุ่มลูกอดีตนางสาวไทยซิ่งเบนซ์ชนดะ


พบประวัติเคยเข้ารักษาโรงพยาบาลโรคจิต เหยื่อเสียชีวิตแล้ว 1 ญาติยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด โชเฟอร์รถเมล์อ้างถูกชายลึกลับข่มขู่ ครอบครัว "ปัจฉิมสวัสดิ์" แถลงยอมรับผิด เผยลูกชายปรารภจะขอพักการเรียนเพื่อบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย

จากกรณีนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

บุตรชายของนางสาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์ (ปะการะนัง) นางสาวไทยปี 2527 และอดีตดารานักแสดงรุ่นเก๋า ขับรถเบนซ์ สีดำ ทะเบียน ศศ 6699 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถโดยสารประจำทางปรับอากาศร่วมบริการสาย 513 จนมีเรื่องกับโชเฟอร์รถเมล์ แล้วจู่ๆ ก็ขับรถพุ่งชนผู้โดยสารที่ลงไปยืนรอเปลี่ยนรถบนฟุตบาท ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น 


ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. กล่าวว่า

ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผกก.สน.ทองหล่อ ว่า พนักงานสอบสวนเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มต่อนายกัณฑ์พิทักษ์ รวมเป็น 3 ข้อหาคือ ฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ต้องหามีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้คงต้องรอการสอบปากคำแพทย์ผู้ตรวจรักษาประจำตัวรวมทั้งตรวจสอบประวัติการตรวจรักษาและแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย โดยตำรวจจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา 


เบื้องต้นหลังเกิดเหตุนายกันต์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ บิดาของผู้ต้องหาซึ่งเป็นน้องชายของ พล.ต.ท.อุกฤษฎ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร.


ได้ติดต่อมายังพนักงานสอบสวนว่า ยืนยันยินยอมชดใช้ค่าเสียหายในทุกกรณีทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต


ต่อข้อถามว่ากรณีที่ผู้ต้องหามีโรคประจำตัวจะส่งผลต่อรูปคดีหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า

เมื่อมีการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนก็ต้องตั้งข้อหาและดำเนินคดีไปตามความผิดนั้น ส่วนกรณีโรคประจำตัวก็ต้องรับทราบรับฟังไว้ก่อน ซึ่งจะต้องสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้งไม่น่ามีปัญหาอะไร 

ด้าน พ.ต.อ.จิรพัฒน์ กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

ส่วนนายกัณฑ์พิทักษ์ ทราบว่า ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุนทร โตรอด รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ ไปสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และแจ้งให้ญาติของนายกัณฑ์พิทักษ์ทราบว่ามีคนตายเพื่อจะได้ให้ไปช่วยเหลือครอบครัวคนตาย

 "จากการตรวจสอบประวัติการรักษาตัวของนายกัณฑ์พิทักษ์ ทราบว่าเขาเคยเข้ารับการรักษาอาการทางสมอง ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า หลังจากที่นายกัณฑ์พิทักษ์ ถูกรถประจำทางเฉี่ยวชนทำให้เกิดความเครียดจนทำให้เขาก่อเหตุขึ้น" พ.ต.อ.จิรพัฒน์ กล่าว


ต่อมาเวลา 09.00 น.น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ์ อายุ 25 ปี

เซลส์ บริษัท ไอดีแอดวานซ์ จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 8/50 ซอย 16 (เจริญ 1) ถนนอมรเดช ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยญาติ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ญาณวุฒิ เลี่ยมแก้ว พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่นางสายชล หลวงแสง อายุ 42 ปี มารดา พนักงานการเงิน ของ ขสมก.ที่เสียชีวิตจากการถูกนายกัณฑ์พิทักษ์ ขับรถพุ่งชน

น.ส.สุชีรา กล่าวว่า การเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนก็เพื่อแจ้งความ

และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำเอกสารไปรับศพมารดาที่นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยทราบเรื่องจากเพื่อนของมารดาที่เดินทางไปทำธุระกับมารดาในช่วงเกิดเหตุ ว่า มารดาถูกรถชนได้รับบาดเจ็บ จึงรีบมาที่โรงพยาบาล ในตอนแรกไม่คิดว่าจะเสียชีวิต แต่เมื่อมาถึงแพทย์บอกว่ามารดาอาการหนัก และยังบอกให้ทำใจไว้ ตอนนั้นมารดาไม่ได้สติแล้ว จนเวลาประมาณ 01.00 น. มารดาก็เสียชีวิต "หมอบอกว่าแม่ถูกรถทับที่หน้าอก และลำตัวจนซี่โครงหักไปทิ่มอวัยวะภายใน กระดูกเชิงกรานแตกละเอียด พอรู้ถึงกับช็อกเพราะไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้ได้ปรึกษากับพี่น้องและญาติของแม่ว่าจะเอาเรื่องคนขับให้ถึงที่สุด จึงเดินทางมาแจ้งความ" น.ส.สุชีรา กล่าวด้วยน้ำตานองหน้า


น.ส.สุชีรา กล่าวด้วยว่า จากนี้จะนำศพมารดาไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดทองคง อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ

โดยจะสวดอภิธรรมศพ 7 วัน จากนั้นจะนำศพมารดามอบให้สภากาชาดไทย เนื่องจากแม่ได้มอบร่างกายให้เป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องคดีนั้นต้องว่ากันไป เนื่องจากทราบว่านายกัณฑ์พิทักษ์ จงใจขับรถชน ทั้งๆ ที่มารดาไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทระหว่างคนขับรถประจำทางกับนายกัณฑ์พิทักษ์แต่อย่างใด


จึงอยากจะขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากสูญเสียมารดาไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร

เพราะอยู่กับมารดามาตั้งแต่เด็ก ส่วนบิดาได้หย่าร้างกับมารดาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว" น.ส.สุชีรา กล่าว


จากนั้นเวลา 13.00 น.นายสถาพร อรุณศิริ อายุ 37 ปี คนขับรถประจำทางสาย 513 คัน

เกิดเหตุพร้อมด้วยนางสมจิตร์ แก้วกล้า กระเป๋ารถเมล์ เข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ นายสถาพร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความว่าถูกนายกัณฑ์พิทักษ์ ทำร้ายร่างกาย แต่ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งเข้ามาหาตนเอง พร้อมกับถามชื่อก่อนที่จะข่มขู่ว่าจะเอาเรื่องถึงลูกเมีย โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นพ่อของคนขับรถเบนซ์ และอ้างว่ารู้จักกับตำรวจและนายทหารยศใหญ่โต ทำให้รู้สึกหวาดกลัว อีกทั้งชายคนดังกล่าวยังได้ข่มขู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งขอปฏิเสธว่าไม่ได้ขับรถเฉี่ยวชนกับคู่กรณี และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ส่วนนางสมจิตร์ กล่าวว่า ยืนยันเอาไปสาบานที่ไหนเลยก็ได้ ว่าชายคนดังกล่าวจงใจขับชน

เพราะเขาขับถอยหลังไปแล้ว เกียร์ถอยหลังมี 2 เกียร์หรืออย่างไร เขาอาจจะโมโหที่ผู้โดยสารหลายคนไปต่อว่าที่ไปทำร้ายคนขับรถโดยสาร ซึ่งผู้โดยสารหลายๆ คนยังเอ่ยปากให้ฝ่ายตนเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแล้วจะเป็นพยานให้ และจะมาอ้างว่าคนขับรถเบนซ์มีโรคประจำตัวนั้นไม่ถูกต้อง เพราะหากคุณมีอาการไม่ครบ 32 แล้วออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลได้อย่างไร ที่นิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯ น.ส.สุชีรา พร้อมด้วยนางอัญชลี อาสามีทรัพย์ อายุ 37 ปี และนางทองดำ หลวงแสง อายุ 69 ปี บุตรสาว น้องสาวและมารดาของนางสายชล เดินทางมารับศพนางสายชล ด้วยใบหน้าโศกเศร้าดวงตาแดงก่ำ

เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายศพออกจากห้องชันสูตรและนำมาใส่โลงไม้เพื่อทำพิธีจุดธูปไหว้

เมื่อญาติเห็นศพของนางสายชล ต่างก็พากันร้องห่มร้องไห้ โดยเฉพาะนางทองดำ มารดาผู้ตายร้องไห้แทบจะขาดใจ ซึ่งญาติต้องช่วยกันประคองไว้เกรงว่าจะเป็นลม เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วจึงเคลื่อนย้ายศพใส่รถตู้ไปบำเบ็ญกุศลที่วัดทองคง ตรงข้ามฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายอุบัติเหตุขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาร่วมรับศพ และกล่าวว่า ในส่วนของความช่วยเหลือเบื้องต้นมีเงินฌาปนกิจ จำนวน 2 แสนบาท ส่วนเงินบำเหน็จบำนาญขึ้นอยู่กับอายุงานและเงินเดือน


ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เมื่อเวลา 16.30 น. นายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ พร้อมด้วยนางสาวิณี

แถลงเปิดใจด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า พร้อมรับผิดชอบค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพให้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่นายกัณฑ์พิทักษ์ บุตรชายก่อขึ้น

 พร้อมยืนยันว่าอาการสั่นหลังเกิดเหตุไม่ใช่เสแสร้ง แต่บุตรชายไม่รู้ตัว ส่วนอาการสั่นอาจมาจากเมื่อเดือนก่อนบุตรชายเคยเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพราะมีอาการหงุดหงิด ฉุนเฉียวถึงขั้นหมดสติ นายกัณฑ์เอนก ยอมรับด้วยว่า บุตรชายเคยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยม แต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องอาการทางจิตและประสาท เหตุที่ส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพราะมารดาของเพื่อนสาวทำงานอยู่ที่นั่น

ปกติบุตรชายเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน

และขณะนี้บุตรชายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว และมีอาการซึมเศร้า ร้องไห้ออกมาเป็นระยะ พร้อมปรารภว่าเมื่อหายดี จะพักการเรียนเพื่อบวชให้ผู้เสียชีวิต" นายกัณฑ์เอนก กล่าว

 ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อปกป้องบุตรชาย ขอยอมรับผิดทุกอย่าง รวมทั้งจะไม่วิ่งเต้นช่วยเหลือเรื่องคดี แต่จะเตรียมหลักทรัพย์ไว้รอประกันตัวบุตรชาย ส่วนเรื่องถูกรุมประชาทัณฑ์จนน่วมและรถยนต์เสียหายอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเอาผิดหรือไม่

 ขณะที่ นางสาวิณี มารดากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยินดีรับผิดชอบและเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับจากนี้จะดูแลบุตรชายให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์