สืบเนื่องจากกรณีนายวันชัย ศรีกุงทอง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166 ม.4 ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนางจรรยา จันทวรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ให้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีพนักงานของบริษัทฯ ประกอบด้วย นายธวัชชัย สำราญบำรุง, นายสมโภชน์ โพธิ์สม และ นายสุรศักดิ์ ประเสริฐสังข์ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและนำจ่ายเงินสดให้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ที่ติดตั้งอยู่ภายในเขต อ.เมืองขอนแก่น หลังมีการตรวจสอบพบว่าได้ยักยอกทรัพย์และลักทรัพย์นายจ้างเป็นเงินสดประมาณ 19,762,200 บาท ของธนาคารกรุงไทย สาขาขอนแก่น ขณะที่นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใส่ในตู้เอทีเอ็มในเขตเมืองขอนแก่นจำนวน 17 ตู้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายธวัชชัย สำราญบำรุง และนายสุรศักดิ์ ประเสริฐสังข์ พนักงานที่บริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด ที่เดียวนายกับนายสมโภชน์ โพธิ์สม และทราบว่านายสมโภชน์ หลบหนีไปที่สปป.ลาวด้าน จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำฮอลิคอปเตอร์ไปรับนายสมโภชน์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา และนำมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองขอนแก่น
พล.ต.ต.จิตรจรูญ เปิดเผยว่า นายสมโภชน์ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์เงินจำนวน 19,762,200 บาท ของธนาคารกรุงไทย สาขาขอนแก่น ขณะที่นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใส่ในตู้เอทีเอ็มในเขตเมืองขอนแก่นจำนวน 17 ตู้ เบื้องต้นนายธวัชชัยและนายสุรศักดิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยักยอกเงิน และนายสมโภชน์ยอมรับสารภาพว่าทำงานคนเดียว ซึ่งนายสมโภชน์และเพื่อนอีกสองคนทำงานเป็นพนักงานที่บริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด มีหน้าที่นำเงินจากบจก.กรุงไทยธุรกิจบริการ ซึ่งตั้งอยู่ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาถนนศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เลขที่ 21/3 ไปเติมในตู้เอทีเอ็มที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ระหว่างวันที่ 27-31 ก.ค.
เมื่อตรวจสอบพบว่า เงินในตู้เอทีเอ็มจำนวนดังกล่าวหายไป และพบสิ่งผิดปกติในระบบการนำจ่ายเงิน และระบบเงินสดของตู้เอทีเอ็ม ทั้ง 17 ตู้ โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว ที่ธนาคารจะต้องทำการเบิกจ่ายและตรวจสอบระบบเงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม ทั้งหมดพบว่าระหว่างวันที่ 27-31 ก.ค.มียอดเงินสดได้หายไปจากตู้เอทีเอ็ม อีกทั้งพนักงานทั้ง 3 ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้ขาดงานไปอย่างผิดปกติ
ต่อมาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สืบสวน3 บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น นำนายสมโภชน์ โพธิ์สม ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์นายจ้าง พร้อมกับรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาวคาดน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ตณ 5819 กรุงเทพฯ เขียนข้างรถว่า k-143 มาจอดใกล้ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หน้าตชด.ขอนแก่น ถ.หลังศูนย์ราชการ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อมาชี้จุดนำเงินออกจากตู้เก็บเงินและนำตู้เก็บเงินเข้าไปในรถ
ผู้สื่อข่าวงรายงานว่า ก่อนที่นายสมโภชน์และเพื่อนอีก 2 คน จะนำเงินออกจากตู้เก็บเงินเพื่อเข้าตู้เอทีเอ็มดังกล่าว ได้แวะกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนนำเงินเข้าตู้เอทีเอ็ม ตำรวจนำนายสมโภชน์ไปชี้จุดเอาเงินออกจากตู้เก็บเงินใส่ไปในตู้เอทีเอ็มอีก 10 แห่ง ในเขตมหาวิทยาลัยขอนแก่น และรอบบริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวมามุงดูจำนวนมาก
พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าวว่า หลังจากตำรวจจับกุมนายสมโภชน์ได้ที่ สปป.ลาว และนำมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองขอนแก่น ได้ยอมรับสารภาพว่าทำคนเดียวอีกสองคนไม่เกี่ยวข้อง วันนี้จึงได้นำนายสมโภชน์มาชี้สถานที่ตัวเองยักยอกเงินจากตู้เก็บเงินของ บริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด มาประกอบคำรับสารภาพในสถานที่ต่างๆ ที่มีตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยตั้งอยู่มากกว่า 10 จุด ซึ่งคำรับสารภาพของผู้ต้องหาว่าอย่างไรก็จะบันทึกไว้อยู่ในสำนวนการสอบสวน
โดยนายสมโภชน์เป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี มีหน้าที่เกี่ยวกับรับเงินใส่ตู้เก็บเงินและนำไปเติมตู้เอทีเอ็มในเขต อ.เมืองขอนแก่น เมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ 2558 นายสมโภชน์ซึ่งมีกุญแจตู้เก็บเงินเข้าไปใส่ในตู้เอทีเอ็ม 1 ตัว จึงทยอยเปิดตู้เก็บเงินขโมยไปครั้งละ 2-3 แสนบาท และทำทุกครั้งที่นำตู้เก็บเงินไปใส่ไว้ในตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนมาถึงวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ค. โดยบริษัทฯสามารถตรวจสอบได้ว่าจำนวน 19,762,200 บาท หายไปจากตู้เอทีเอ็มที่บริษัทรับผิดชอบอยู่ ซึ่งนายสมโภชน์สารภาพว่า ดำเนินการด้วยตนเองเพียงผู้เดียว
แต่ในขั้นตอนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนมีหลักฐานว่า เพื่อนนายสมโภชน์ คือนายธวัชชัย และนายสุรศักดิ์ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงขอหมายศาลจังหวัดขอนแก่นไปจับกุมที่ศูนย์บริหาร และจัดการธนบัตรขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ดำเนินการของบริษัทกรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัดและนำมาควบคุมที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง
นายสมโภชน์ ยอมรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุยักยอกเงินของบริษัทมานานกว่า 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนำไปแจกจ่ายให้ญาติคนละแสน สองแสน และเพื่อนที่ร่วมงานด้วยบางคนขอ 5 พัน บางคนขอ 5 หมื่น ซึ่งตนให้เงินพวกเขาไป โดยไม่มีใครถามว่าได้เงินมาจากไหน เพราะทุกคนที่ได้เงินมาจากตน ก็เข้าใจว่าได้มาจากเล่นบาคาร่าออนไลน์ เล่นพนันบอลต่างประเทศ โดยตนนำเงินจากตู้เก็บเงินที่นำไปใส่ในตู้เอทีเอ็มครั้งละ 2-3 แสนบาท เมื่อจะตรวจสอบตนก็จะเอาเงินที่ขโมยมาก่อนหน้านี้ยัดใส่ให้เหมือนเดิมทำเหมือนแชร์ลูกโซ่ กระทั่งบริษัทเปลี่ยนแปลงให้ตนเองไปอยู่อีกพื้นที่หนึ่งที่ไม่ได้รับผิดชอบตู้เอทีเอ็มในเขตเดิม จึงเกิดปัญหาให้บริษัทจับได้ว่าตนขโมยเงินของบริษัทไปมากถึง 19 ล้านบาท ตอนนี้เงินจำนวนนี้หมดไปแล้ว เพราะแจกจนหมดตัว" นายสมโภชน์ กล่าว
ส่วนจำนวนเงินที่นายสมโภชน์ ยักยอกไปและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปจับได้ที่ ประเทศสปป.ลาว เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยสามารถยึดเงินสดกลับมาได้จำนวน 1.5 ล้านบาทเศษ พร้อมทองรูปพรรณจำนวน 5 เส้น และสายรัดเงินธนบัตรชนิดต่างๆ รวมกว่า 40 เส้น ที่บ้านของนายสมโภชน์ที่อยู่อาศัยในบ้านแอวมอง ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น