ยะลาเดือด!โจรใต้ปิดล้อม ถล่มฐานอส. รัวเอ็ม79-ปล้นปืน-เจ็บ18

ยะลาเดือด!โจรใต้ปิดล้อม ถล่มฐานอส. รัวเอ็ม79-ปล้นปืน-เจ็บ18 ยิงกันแหลกกลางดึกครึ่งชม. ชี้ฝีมือ‘ฮูไบดีล่ะห์ รอมมือลี’ ผบ.ทบ.กร้าวพลิกแผ่นดินล่า มทภ.4สั่งปรับยุทธวิธีไม่ตั้งรับ

ยะลาเดือด!โจรใต้ปิดล้อม ถล่มฐานอส. รัวเอ็ม79-ปล้นปืน-เจ็บ18

เหตุบุกโจมตีฐานปฏิบัติการเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดคุ้มครองตำบล(ชคต.) หมู่ 8 บ.บาโร๊ะ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ได้มีวิทยุขอกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ แต่การเดินทางไปให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากคนร้ายมีการโรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้ขวางเส้นทาง ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ

ฐานปฎิบัติการเสียหายหนัก

ต่อมา เวลา 06.00 น. พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ชุดพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ บริเวณฐานปฏิบัติการ อส.ชุดคุ้มครองตำบลบาโร๊ะ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ อส.และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้รับบาดเจ็บรวม 18 ราย ในจำนวนนี้ถูกนำตัวส่ง รพ.ศูนย์ยะลา 6 ราย ซึ่งมีอาการสาหัส 2 ราย โดยก่อนถึงจุดเกิดเหตุบริเวณเส้นทางเข้าบ้านบาโร๊ะ คนร้ายได้ตัดต้นไม้ขวางถนน และวางระเบิดเสาไฟฟ้าจนหักโค่น ส่วนในที่เกิดเหตุ พบว่า อาคารของฐานปฏิบัติการ ถูกคนร้ายยิงถล่มด้วยอาวุธปืนเอ็ม79 และอาวุธปืนสงคราม จนมีรูกระสุนพรุนทั้งหลัง พบปลอกกระสุนอาก้า ตกอยู่เป็นจำนวนมาก กล้องวงจรปิดรอบฐานฯ ถูกทำลายจนเสียหายหลายตัว นอกจากนี้อาคารฐานปฎิบัติการยังมีร่องรอยถูกไฟเผาด้วย

ทั้งเอ็ม79-อาก้าถล่มกันแหลกครึ่งชม.

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ อส. อยู่ประจำป้อม ประมาณ 20 คน ได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 15 คน พร้อมอาวุธครบมือ ยิงถล่มป้อมดังกล่าว รวมทั้งใช้ระเบิดเพลิงขว้างเข้าใส่ และยิง เอ็ม79 เข้าใส่จำนวน 3 ลูก จากนั้นกลุ่มคนร้ายนับสิบคน ได้บุกเข้าไปในฐานปฏิบัติการ อส.และผู้ที่อยู่ในฐานปฏิบัติการได้ยิงตอบโต้นานกว่า 30 นาที คนร้ายจึงหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายกลุ่มของนาย ฮูไบดีล่ะห์ รอมมือลี แกนนำก่อเหตุรุนแรง ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า คนร้ายได้ปล้นเอาอาวุธปืนประจำฐานปฏิบัติการ ซึ่งเป็นอาวุธปืนของทางราชการไปด้วย 7 กระบอก หรืออาจจะมากกว่า ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบว่า เป็นอาวุธปืนชนิดใดบ้าง

บาดเจ็บสาหัส6ราย

สำหรับรายงานเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นทราบว่า เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 6 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 12 ราย รวมทั้งหมด 18 ราย ประกอบไปด้วย 1.นายยูรานันธ์ ยาลอ 2.นายมะซอเร เจ๊ะเล๊าะ 3.นายอับดุลรอแม อุเซ็ง 4.นายเนรวิท นิอาแว 5.นายมะซอและ ยีเร็ง 6.นายอันนูวา บาฮี ทั้ง 6 คนถูกนำตัวส่งไปยัง รพ.ศูนย์ยะลา 7.นายรอแม สาและ 8.นายอับดุลรอแม อาแว 9.นายอิสเฮาะ สีแต 10.นายอุสมาน มะและ 11.นายอับดุลอานัด ยาซิ 12.นายอามัน อาบู 13.นายอาดือนัน ดือราฮิง 14.นายไซนูเดน มะแซ 15.นายสูดิง มณีทิยา 16.นายอีบอรอเน็ง สุหลง และอีก 2 รายยังไม่ทราบชื่อ ถูกนำตัวส่ง รพ. สมเด็จพระยุพราชยะหา

เร่งเก็บหลักฐานเชื่อมโยงคนร้าย

วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบความเสียหายของทางฐานปฏิบัติการ และรวบรวมวัตถุพยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ และติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งกำชับให้หน่วยเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ประชุมร่วม 3 ฝ่ายในพื้นที่ เพื่อสำรวจ และฟื้นฟูความเสียหายทดแทนกำลัง และสถาปนาความเข้มแข็งฐานปฏิบัติการให้กลับคืนมาโดยเร็ว

การข่าวพบความเคลื่อนไหว

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการข่าวได้มีการแจ้งเตือนการพบความเคลื่อนไหวของตัวบุคคลที่เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ แต่ไม่พบการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งทางแม่ทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ไปวางระบบการข่าวภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เผยโจรใต้อำพรางตัวเป็นจนท.

ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายได้อาศัยการอำพรางตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าประชิดจู่โจมที่ตั้งฐานในยามวิกาล และสามารถแย่งชิงอาวุธของทางราชการไปได้จำนวนหนึ่ง ขณะนี้พอจะทราบตัวผู้ที่ชักชวนสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้าร่วมการก่อเหตุได้บ้างแล้ว

ผบ.ทบ.สั่งจับคนร้ายโดยเร็ว

โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กห. และ ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. ได้กล่าวชมเชยเจ้าหน้าที่ อส. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลในครั้งนี้ ที่ได้พยายามต่อสู้ตามขีดความสามารถด้วยอาวุธเท่าที่มีอยู่ และได้สั่งการให้หน่วยรับผิดชอบพื้นที่จนถึงระดับ ฉก.จังหวัด เร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งนำอาวุธปืนของทางราชการกลับคืนมาให้ได้โดยเร็ว นอกจากนี้ได้สั่งการให้ทบทวนแผนเผชิญเหตุของ อส. ร่วมกับทหารในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ห่างไกลให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่วนการก่อเหตุโจมตีที่ตั้งฐานของเจ้าหน้าที่ในลักษณะนี้ ถือเป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรง ในส่วนการก่อเหตุครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ผู้ก่อเหตุแสดงเจตนาใช้อาวุธสงครามทำร้ายเจ้าหน้าที่ อันถือเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดทุกคนจะต้องถูกติดตามจับกุมตามกระบวนการยุติธรรม และได้รับการลงโทษในที่สุดต่อไป

แม่ทัพ4นำคณะลงตรวจพื้นที่

ช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค4 พร้อมด้วย พล.ท.นพวงศ์ สุรวิชัย แม่ทัพน้อยภาค4 พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายอุดร น้อยทับทิม รอง ผวจ.ยะลา และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุ ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลบาโร๊ะ โดยได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างละเอียด ก่อนที่จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหาร ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่จุดตรวจเพื่อปรับปรุงพื้นที่รอบจุดตรวจ รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติหน้าที่ในขณะเข้าเวรยาม เนื่องจากพบว่ายังมีจุดที่กลุ่มคนร้ายสามารถปฏิบัติการได้ รวมทั้งสั่งการให้ปรับปรุงเรื่องยุทธวิธี ที่เจ้าหน้าที่มักเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียเปรียบ

ชื่นชมชคต.ทำหน้าที่ได้ดี

"สำหรับชุดคุ้มครองตำบล เป็นความคาดหวังของเราว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต้องเรียนรู้ ที่จะดูแลพื้นที่ของตนเอง ซึ่งเริ่มมาได้ 1 ปีแล้ว ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา ก็ทำงานกันได้เป็นอย่างดี และคงจะต้องมีการพัฒนากันต่อไป ซึ่งขณะนี้เรามีชุดคุ้มครองตำบลอยู่ 108 ตำบล ในแต่ละตำบลก็จะมีกำลังประมาณ 24-36 คน ขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่ มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. หมุนเวียนมาช่วยดูแล" มทภ.4 กล่าว

เผยวินาทีคนร้ายบุกฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ปราการ ยังได้พูดคุยสอบถาม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุนอนหลับอยู่ภายในห้อง ในฐานปฏิบัติการจำนวน 3 คน และในเพิงพักด้านหลังฐานปฏิบัติการอีก รวม 18 คน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จากนั้นคนร้ายจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 คน ก็บุกเข้ามาในห้องที่ตนเองนอนอยู่แบบประชิดตัวแล้ว พร้อมกับใช้อาวุธปืนจี้ และห้ามไม่ให้ขัดขืน พร้อมบอกให้นอนคว่ำหน้า ก่อนที่จะสอบถามว่าภายในห้องมีอาวุธปืนกี่กระบอก จากนั้นจึงค้นหาอาวุธปืน และทำลายทรัพย์สินรวมไปถึง คอมพิวเตอร์ และถอดเอาฮาร์ดดิสบันทึกภาพวงจรปิด แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือของพวกตนไปด้วย ขณะที่คนร้ายกำลังรื้อค้นภายในห้อง ข้างนอกก็ยังมีเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนานเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะพากันล่าถอยไป

แต่งเป็นทหารพรานตบตาจนท.

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า คนร้ายได้ปล้นเอาอาวุธปืนลูกซอง 5 นัดไปจำนวน 4 กระบอก ปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก และปืน AK102 จำนวน 1 กระบอก โดยพฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ ทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดดำ มีผ้าพันคอ เลียนแบบการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ทหารพราน โดยมีคนร้ายกลุ่มแรกจำนวน 4-6 คน เดินตรงมาหน้าฐานปฏิบัติการ ซึ่งขณะนั้น มี อส.เข้าเวรอยู่เพียงผู้เดียว ก่อนที่คนร้ายจะทำทีขอเข้าห้องน้ำ และได้เข้าล็อกตัว อส.ที่อยู่เฝ้าเวรยามอยู่ ก่อนที่คนร้ายอีกจำนวนหนึ่งได้พากันวิ่งกรูเข้ามาในฐานปฏิบัติการ และลงมือก่อเหตุ โดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว

นายกฯส่งกำลังใจให้จนท.

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัว อส. ทั้ง 18 คน ที่ได้รับบาดเจ็บ และสั่งการให้ดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทุกคนอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด และขอส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ทุกหน่วย ทุกกรมกอง ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน คนทำดี ต้องได้ดี พี่น้องคนไทยทั้งชาติซาบซึ้งใจในความเสียสละและมุ่งมั่นของทุกท่าน

 

 

 


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์