เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย เจ้าหน้าที่จากเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ ได้พานางเมไต ซึ่งเป็นแม่ของนายเวพิว และนางพิว ชุยนุก แม่ของนายซอริน สองผู้ต้องหาชาวเมียนมา เดินทางมายังศาลจังหวัดเกาะสมุย เพื่อร่วมรับฟังการสืบพยานโจทก์ ในคดีสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า โดยนางเมไต ได้พูดถึงความหวังที่จะให้ลูกพ้นความผิดในคดีนี้
นางเมไตกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองอยากได้ลูกชายกลับบ้านเกิดที่รัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาร์ และมีความเชื่อมั่นว่าลูกชายของตนเอง และนายซอริน ไม่มีความผิด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ที่สำคัญอยากจะบอกลูกชายว่า ต่อไปนี้พ่อไม่สามารถมารับตัวลูกกลับบ้านได้แล้ว เพราะพ่อได้เสียชีวิตแล้วในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อกล่าวจบนางเมไตถึงกับร้องไห้โฮ
ทางด้านนายนคร ชมพูชาติ ทนายความจากสภาทนายความ เดินทางมายังศาลจังหวัดเกาะสมุย พร้อมด้วยทีมทนายความได้เตรียมเอกสารและหลักฐานที่จะใช้ต่อสู้คดีฆาตกรรม นายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ24 ปี และ นางสาวฮานนาห์ วิคทอเรีย เธอริดจ์ อายุ 24 ปี สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เสียชีวิตบนหาดทรายรี ในตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อกลางเดือนกันยายน 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาสองคน คือนายเวพิว และนายซอริน สองผู้ต้องหาชาวเมียนมา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้หลังเกิดเหตุ ซึ่งนายนคร กล่าวว่าวันนี้ต้องฟังว่าพยานโจทก์ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุว่าจะนำหลักฐานอะไรมาแสดงต่อศาล เพื่อหาแนวทางในการและพยานหลักฐานมาหักล้างต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่เรือจำอำเภอเกาะสมุยได้นำตัวนายเวพิว และนายซอริน สองผู้ต้องหาชาวเมียนมา มายังศาลจังหวัดเกาะสมุย เพื่อรับฟังการสืบพยานโจทกฺในครั้งนี้ โดยทั้งสองคนมีสีหน้าสดใส ขณะที่นายเวพิว ยังไม่ทราบว่าพ่อของตนเองได้เสียชีวิตไปแล้ว สำหรับการสืบพยานโจทก์วันนี้ จะนำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เก็บรวบรวมหลักฐานประกอบด้วย พ.ต.ต.พงศ์เกษม ธนวนิชนาม พ.ต.ต.วิทยา พิทักษ์ พ.ต.ท.โยธินทร์ สิทธิโยธี พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา และพล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช มาให้ปากคำ
ในช่วงบ่าย ศาลจังหวัดเกาะสมุยได้สืบพยานโจทก์ต่อเนื่อง โดยเชิญนายตำรวจผู้รวบรวมหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุมาเป็นหลักฐานสำคัญในการมัดตัวสองผู้ต้องหาเมียนมาในคดีเกาะเต่ามาให้รายละเอียดและฺอธิบายขั้นตอนของลำดับเหตุการณ์จากภาพวงจรปิด ขณะที่ทนายฝ่ายของสองผู้ต้องหาสงสัยการตัดพยานบุคคลที่เป็นเจ้าของโรงแรมที่ผู้ตายพักออก ว่าอาจทำให้เสียรูปคดีทั้งที่น่าจะเป็นพยานสำคัญในคดีนี้
เมื่อเวลา 13.00 น. ศาลจังหวัดเกาะสมุย ผู้พิพากษาได้ให้ พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผกก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พยานโจทย์ นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่เก็บรวบรวมจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ บริเวณที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียงมาประกอบหลักฐาน โดยพบว่ามีภาพของผู้ต้องหาทั้งที่วิ่งผ่าน และเดินผ่าน ระหว่างห้องพักพนักงาน เอซีทูรีสอร์ทกับที่เกิดเหตุหลายครั้ง ระหว่างช่วงเวลา 03.00-05.00 น. ของวันเกิดเหตุ ซึ่งระหว่างที่นำเสนอภาพจากกล้องวงจรปิด ผู้พิพากษาได้อนุญาตให้ทนายความ นายเวพิว และนายซอเรน สองผู้ต้องหาดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่นำมาลำดับขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นและหลังเกิดเหตุ ซึ่งทั้งสองคนเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว นายเวพิว และนายซอริน มีสีหน้าวิตกกังวล แต่พยายามควบคุมอาการ ส่วนทีมทนายความของทั้งสองคนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
ด้านนายนคร ชมพูชาติ ทนายความ จากสภาทนายความ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำพยานหลักฐานที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพวันเกิดเหตุที่ระบุว่ามีนายเวพิว และนายซอริน เข้าไปเกี่ยวข้องตามที่พยานโจทก์ได้กล่าวถึง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีภาพที่ระบุได้ชัดว่าทั้งสองคนเข้าไปเกี่ยวข้องตรงจุดเกิดเหตุได้อย่างไร ซึ่งคงต้องดูและติดตามการสืบพยานโจทก์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่จะมาเป็นพยานโจทก์ในส่วนของการตรวจผล ดีเอ็นเอ ในวันพรุ่งนี้ เพื่อดูว่าจะสรุปออกมาอย่างไร แต่ทีมทนายความของผู้ต้องหาทั้งสองคนยังติดใจการตัดพยานบุคคลออก ส่วนตัวเห็นว่าพยานบุคคลที่ตัดออกในครั้งนี้ มีความสำคัญเพราะเป็นเจ้าของโรงแรมที่ผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเข้าพัก
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ศาลจะสืบพยาน พ.ต.อ.วาที อัศวุฒิมางกุร และ ร.ต.ต.หญิงนงลักษณ์ ศิลขันธ์ จากกลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมีและเขม่าดินปืน สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ และเป็นผู้ที่นำหลักฐานที่ได้จากการเก็บในที่เกิดเหตุมาทำการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งผลการตรวจดีเอ็นเอ ระบุว่าหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุตรงกับผู้ต้องหาทั้งสองคน