ตัดสินประหาร "หนุ่ย ติ๊งต่าง" ข่มขืนฆ่าเด็กหญิง - สารภาพลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต
อัยการโจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลากลางวันถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยงต่อเนื่องกัน จำเลยได้พรากด.ญ.นิด (นามสมมุติ) ผู้เสียหายที่ 1 อายุ 4 ปีเศษไปเสียจากนายสมบุญ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นตาและผู้ปกครอง เพื่อกระทำอนาจาร โดยจำเลยพูดจาหลอกล่อว่าจะพาไปเดินเล่นและพาไปซื้อขนม ผู้เสียหายที่ 1 จึงยินยอมไปด้วย จากนั้นผู้เสียหายที่ 1 ต้องการกลับไปหาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นตา แต่จำเลยไม่ยอมให้กลับ จำเลยได้ข่มขืนใจผู้เสียหายที่ 1 ให้ไปกับจำเลยโดยใช้กำลังประทุษร้ายฉุดลากเข้าไปในป่าละเมาะ ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร จนผู้เสียหายที่ 1 ต้องยอมเข้าไปในป่าละเมาะกับจำเลย และจำเลยได้หน่วงเหนี่ยวไว้ไม่ยอมให้กลับไปหาผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นตา อันเป็นการทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และได้กระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 จนสำเร็จความใคร่ โดยผู้เสียหายที่ 1 ไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นจำเลยได้ฆ่าผู้เสียหายที่ 1 โดยใช้มือบีบคอผู้เสียหายที่ 1 ทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ขาดอากาศหายใจโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย และถึงแก่ความตายสมเจตนาฆ่าของจำเลย เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลยจำเลยให้การรับสารภาพ
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายติ๊งต่าง มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขณะที่มีมารดาและตาของด.ญ.นิดมาร่วมฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า ในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 นายสมบุญ ตาของด.ญ.นิด ได้ไปขายสินค้าในงานกาชาดของอำเภอเมืองเลย โดยพาด.ญ.นิด หลานสาวไปด้วย ขณะที่ด.ญ.นิดได้ขอไปวิ่งเล่นภายในงาน จึงได้อนุญาตให้ไป หลังจากนั้นไม่มีใครพบด.ญ.นิดอีก นายสมบุญจึงได้เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองเลย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมจำเลยที่ก่อเหตุข่มขืนและฆ่าน้องการ์ตูน (นามสมมุติ) ได้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2556 ซึ่งจำเลยก็รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุชำเราและฆ่าด.ญ.นิดด้วย โดยหลอกด.ญ.นิดออกจากงานกาชาดและใช้กำลังพาเข้าไปในป่าละเมาะหลังสำนักงานประปาภูมิภาคจังหวัดเลย จากนั้นได้กระทำชำเราด.ญ.นิดจนสำเร็จความใคร่ และบีบคอด.ญ.นิดจนสลบ ก่อนทิ้งด.ญ.นิดไว้ในป่าละเมาะและหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันที่ 18 ธันวาคม 2556 พบกะโหลกศรีษะ โครงกระดูก และเสื้อผ้าของด.ญ.นิด โดยนายสมบุญยืนยันว่าเป็นเสื้อผ้าที่ด.ญ.นิดใส่ในวันเกิดเหตุ และเมื่อนำโครงกระดูก และเสื้อผ้าของด.ญ.นิด ไปตรวจพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) เปรียบเทียบกับมารดาแล้วปรากฎว่าผลตรวจตรงกับมารดาของด.ญ.นิดจริง คดีนี้แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยก็มีทนายร่วมอยู่ด้วยตลอด จึงไม่เป็นข้อพิรุธว่าจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ และไม่มีเหตุสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบันทึกคำให้การกลั่นแกล้ง พยานโจทก์จึงมีน้ำหนักปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง
อนึ่ง แม้ว่าข้อเท็จจริงตามบันทึกคำให้การของจำเลยจะให้การว่ายังไม่ได้ข่มขืนชำเรา ด.ญ.นิด แค่ทำอนาจารเท่านั้น ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำชำเราแล้วแต่ไม่บรรลุผล เนื่องจากมีคนเดินเข้ามาใกล้ที่เกิดเหตุ ประกอบกับสรีระของด.ญ.นิดที่อายุ 5 ปี ยังไม่รองรับกับการมีเพศสัมพันธ์การกระทำของจำเลยจึงอยู่ในขั้นความผิดพยายามกระทำชำเรา ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม, 283 ทวิ วรรคสอง, 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 80, 277 ทวิ (2), 310 วรรคสอง, 289 (5)(7) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากผู้ปกครองโดยปราศจากเหตุอันควรเพื่อการอนาจาร จำคุก 6 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 (12) เป็นจำคุก 9 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพจนถึงแก่ความตาย, ฐานพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร และฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย อันเป็นบทที่มีโทษหนักสุด จำคุกตลอดชีวิต และฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือทารุณโหดร้ายเพื่อปกปิดความผิด หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ให้ประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง รวมคงจำคุกตลอดชีวิต และให้นับโทษต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 990/2557 ของศาลจังหวัดพระโขนง ส่วนคดีอาญาหมายเลขดำ อ. 514/2558 ของศาลนี้ ยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษต่อไป
ภายหลัง มารดาของด.ญ.นิด กล่าวว่า ยังติดใจคำพิพากษาของศาล เนื่องจากจำเลยเคยกระทำผิดและถูกจำคุกมาครั้งหนึ่งแล้ว และเมื่อได้รับการปล่อยตัวก็ออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งคดีของน้องการ์ตูนศาลก็ได้พิพากษาให้ประหารชีวิตและลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต จำเลยก็ยังทำผิดในคดีนี้อีก ดังนั้น น่าจะมีการลงโทษให้หนักขึ้น เพราะหากภายหลังจำเลยได้รับการปล่อยตัวในคดีนี้ก็กังวลว่าอาจจะมาก่อเหตุอีก แล้วใครจะรับผิดชอบ ส่วนการเยียวยานั้นตนได้รับเงินจากกรมคุ้มครองสิทธิ์ 1 แสนบาทเท่านั้น ขณะที่หลังเกิดเหตุจำเลยก็ไม่เคยมาขอโทษตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาอีก 1 สำนวนด้วย คือ คดีหมายเลขดำ อ.514/2558ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายหนุ่ย ในความผิดลักษณะเดียวกัน กรณีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2556 จำเลยได้พรากตัวน้องแม็ก เด็กชายอายุ 7 ขวบ ไปจากผู้ปกครอง และได้กระทำชำเราเด็กชายผ่านทางทวารหนักแล้วบีบคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณวัดศรีอุดมวงษ์ อ.วังสะพุง จ.เลย โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ 1ตุลาคม นี้ เวลา 09.00 น.ซึ่งคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ
ขณะที่นายหนุ่ย หรือติ๊งต่างนั้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม2557 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพระโขนงได้มีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขแดงที่ 990/2557 ให้จำคุกตลอดชีวิต จากพฤติการณ์กระทำความผิดลักษณะเดียวกันนี้ด้วยการกระทำชำเราและฆ่าน้องการ์ตูนอายุ 6 ขวบ บริเวณพื้นที่รกร้าง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่ง