ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้สอบนิติวิทยาศาสตร์ให้ชัดเจน ตนเป็นผู้ดูแลเรื่องสำนวนคดีเอง และได้เรียกสำนวนคดีจาก สน.อุดมสุข มาตรวจสอบ เบื้องต้นจากการดูสำนวนคดีและจากผลนิติวิทยาศาตร์ยังไม่พบพิรุธสาเหตุการตายยังน่าเชื่อว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เพราะแพทย์ยืนยันว่าเสียชีวิตจากกระดูกต้นคอหัก ส่วนสาเหตุการหักก็ต้องทำการสอบสวนใหม่ให้ละเอียดอีกครั้ง และต้องไปสอบสวนญาติผู้ตายอีกว่าติดใจสงสัยประเด็นอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ญาติยังไม่ได้มาพบก็เอาข้อมูลที่สงสัยไปสอบถามทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็ต้องไปสอบปากคำทางญาติผู้ตายเพิ่มเติม ทั้งนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการสืบสวนคลี่คลายคดี คาดว่าต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนสาเหตุการตายสักระยะ
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสงสัยการเสียชีวิตเป็น 2 ประเด็น การตายแบบผิดธรรมชาติและการโอนหุ้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า โอนหุ้นมันต้องดูอีกเพราะมันคนละเรื่องกับการตาย ถ้าผู้ตายโอนหุ้นไปเพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายก็ถือว่ามีความผิด ก็ต้องดำเนินคดีไปอีกส่วนหนึ่ง ต้องถามว่าคนตายโอนหุ้นไปเพราะเหตุใด สุดท้ายพอทำสำนวนขึ้นมา ผู้ตายและญาติผู้ตายอาจถูกดำเนินคดีทางแพ่ง เพราะโอนหุ้นแยกออกไป 200 กว่าล้าน มันต้องมีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง หากสอบสวนพบว่ามีความผิดคือโอนหุ้นไปโดยเท็จ ตาม พ.ร.บ.หุ้น ก็ต้องดำเนินดคีกับคนตายอีก
ด้าน พล.ต.ต.ชาญเทพ กล่าวว่า คดีนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนในเรื่องการเสียชีวิตว่า เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่น ซึ่งก็ต้องเชิญตัว พ.ต.ท.บรรยิน มาสอบสวนเพิ่มเติมเพราะเป็นผู้ขับขี่รถ ซึ่งตอนนี้ก็โดนแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่ญาติมีข้อสงสัยเรื่องประเด็นการโอนหุ้นให้หญิงสาว 2 ราย ญาติได้ไปร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่ง บก.ป. ก็จะสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องการโอนหุ้น โดยในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 14.00 น. ตนจะเดินทางไปประชุมคลี่คลายคดีดังกล่าวกับชุดสืบสวนที่ สน.อุดมสุข ต่อไป ทั้งนี้มีรายงานว่าในวันนี้ (16 ก.ค.) เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. จะเดินทางไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อนำหลักฐานมาร่วมคลี่คลายคดีด้วย
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปตรวจสอบเอกสารทางธุรกรรมของนายชูวงษ์ที่สำนักงาน พร้อมกับทำการสอบปากคำพนักงานโบรกเกอร์โอนหุ้นจำนวน 4 ราย เพื่อตรวจสอบหาความผิดปกติในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะลายเซ็นในเอกสารการโอนหุ้นที่นายชูวงษ์ได้เซ็นไว้นั้นเป็นลายเซ็นของนายชูวงษ์จริงหรือไม่ ตามที่ญาติและครอบครัวของผู้ตายติดใจสงสัยในประเด็นดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจสอบในวันนี้ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ส่วนกรณีของลายเซ็นนั้นจากการประเมินเบื้องต้นพบว่าลายเซ็นดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับลายเซ็นของผู้ตายจริง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้ ซึ่งอาจต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจต่อไป
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า ขณะที่ในส่วนของบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ได้รับการโอนหุ้นมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท จากนายชูวงษ์ นั้น ล่าสุดได้มีการออกหมายเรียก ให้มาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบที่ไปที่มาของการโอนหุ้นดังกล่าวแล้ว โดยคาดว่าจะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 18 ก.ค. ที่จะถึงนี้