‘นพ.ระวี’ขอโทษ‘พ.ต.ท.กุลธน’ คดียิงหน้าวัด‘ศรีเอี่ยม’ ยอมรับผิดที่ได้กล่าวหา

‘นพ.ระวี’ขอโทษ‘พ.ต.ท.กุลธน’ คดียิงหน้าวัด‘ศรีเอี่ยม’ ยอมรับผิดที่ได้กล่าวหา

จากเหตุการณ์ที่วัดศรีเอี่ยม เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2557 ที่มวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งบุกเข้ายิงและปาระเบิดจน นายสุทิน ธราทิน เสียชีวิตและมวลชนกลุ่มกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย(กคป.) หลายคนต้องบาดเจ็บสาหัส ขณะเหตุการณ์กำลังชุลมุนอยู่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ได้ให้

สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ทางสถานีโทรทัศน์’บลูสกาย’ ว่า พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ สส.เพื่อไทย นำมวลชน 100คน มาลอบทำร้ายนายสุทิน ธราทิน จนเสียชีวิตและสื่อต่างๆได้เผยแพร่ข่าวนี้ต่อและต่อมามีการนำคลิปสัมภาษณ์นี้ขึ้นYou Tube ที่คนทั่วไปสามารถเข้าเปิดดูได้จนถึงทุกวันนี้

จากนั้น วันที่ 23มกราคม2558 พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ได้ยื่นฟ้องศาลอาญา ต่อ นพ.ระวี มาศฉมาดลและนสพ.แนวหน้า ในข้อหาหมิ่นประมาท ต่อมา ทั้งสองฝ่ายได้มีการนัดเจรจาปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อการปรองดองสมานฉันท์ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กทม.โดยมี นายผรณเดช พูนศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการ นสพ.แนวหน้าและนายบุณณ์อนันต์ เปี่ยมพงศ์ศานต์ เป็นสักขีพยาน

ในการเจรจาปรับความเข้าใจกัน ทาง นพ.ระวี ได้ชี้แจงให้ พ.ต.ท.กุลธน ได้ทราบถึงที่ไปที่มา และสถานการณ์ที่ได้สัมภาษณ์ไป กล่าวคือ ขณะกำลังเจรจากับกรรมการหน่วยเลือกตั้ง มีมวลชนชี้ให้ นพ.ระวี และทีมงานกว่า 20คน หันไปดูว่า นั่นคือ พ.ต.ท.กุลธน และทีมงาน และขณะกำลังจะเดินทางกลับ ทีมการ์ดได้แจ้งมาว่าได้พบ พ.ต.ท.กุลธน อีกครั้ง ตนซึ่งไม่เคยเห็นหน้า พ.ต.ท.กุลธน และไม่เคยรู้จักมาก่อน เคยได้ยินแต่ชื่อเสียง และคิดว่าเหตุการณ์บุกเข้าลอบทำร้ายแบบนี้ต้องมีการวางแผนนัดหมายตระเตรียมอาวุธต่างๆ กันมาก่อน จึงเข้าใจว่าเป็น พ.ต.ท.กุลธน จริงๆ แม้ทาง กคป.ได้หลีกเลี่ยงการปะทะแล้วแต่ก็ยังถูกกระทำอย่างรุนแรง และเป็นการให้สัมภาษณ์ขณะที่มวลชนแดงกำลังบุกคืบหน้ามายังมวลชน กคป.ที่อยู่ท้ายขบวนกับ นพ.ระวี และกำลังหาทางให้มวลชนหลบออกจากที่เกิดเหตุ

ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.กุลธน ได้กล่าวว่า ในเหตุการณ์วันนั้น ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น เช้าวันพฤหัสบดีตนได้เข้าไปสังเกตุการณ์ที่หน่วยเลือกตั้ง แต่เมื่อทราบข่าวว่า กคป. จะไปที่วัดศรีเอี่ยมตนจึงรีบกลับออกไปก่อน ต่อเมื่อมีคนแจ้งว่าเกิดเหตุยิงปะทะกัน ตนเข้ามาในฐานะผู้สมัคร สส. และมีประชาชนแจ้งว่าเกิดเหตุการณ์ยิงปะทะกัน ตนในฐานะเจ้าของพื้นที่ และเป็นอดีตนายตำรวจ จึงรีบรุดไปดูที่เกิดเหตุ แต่หลังจากนั้น ตนก็กลายเป็นอาชญากรทางสังคมทันที โดยไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันก่อน ทำให้ตนมีความลำบากในการใช้ชีวิตทางสังคมเหมือนปกติ และยังทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นเดียวกัน นอกจากตนจะเป็นผู้ทำให้ “ตระกูล ประจวบเหมาะ” เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนยังถูกประณามว่า เป็นปลาเน่าตัวเดียว ทำให้ปลาตายทั้งข้อง โดยเป็นคำพูดจากญาติพี่น้องของตนเอง ซึ่งตนเสียใจเป็นอย่างมาก ที่แม้แต่ญาติพี่น้องก็ยังเข้าใจไปอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.กุลธน ได้กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณหมอ ระวี มีความเป็นสุภาพบุรุษ และมีจิตสำนึกที่รู้สึกรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง โดยตนคิดว่า คุณหมอขอโทษตนออกมาจากใจจริง และไม่ติดใจในประเด็นดังกล่าวอีกแล้ว

เมื่อ นพ.ระวี ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากข้อมูลจากทางราชการและการยืนยันอย่างหนักแน่นของ พ.ต.ท.กุลธน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นแกนนำแดงนำมวลชนมาทำร้ายนายสุทินแน่นอน และรับทราบถึงผลเสียหายมากมายที่เกิดตามมาจากการสัมภาษณ์ต่อ พ.ต.ท.กุลธน และครอบครัวแล้ว นพ.ระวี จึงขออภัยต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสียชื่อเสียงถึงวงศ์ตระกูล”ประจวบเหมาะ” ด้วยความจริงใจ

สุดท้ายตนขอขอบคุณ คุณหมอ ระวี ที่ได้คืนชื่อเสียงให้ผม ครอบครัวและวงศ์ตระกูล รวมถึงบรรพบุรุษ ตระกูล “ประจวบเหมาะ”ที่ได้เคยสร้างชื่อเสียงและทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติไว้อย่างมากมาย พ.ต.ท.กุลธน ได้กล่าวทิ้งท้าย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์