หิ้วแล้ว2-คดีสมยศ ล็อกจากชุมพร ต้องสงสัยมือยิง ส่งเช็กดีเอ็นเอ
หิ้ว 2 ผู้ต้องสงสัยยิงสมยศ เจ้าพ่อคาเฟ่ จากอ.ท่าตะโก ชุมพร สอบสวนเครียด พร้อมตรวจสอบดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือตรงกันหรือไม่ ขณะที่รถจยย.ต้องสงสัยก่อเหตุ สั่งสอบทะเบียนย้อนหลังพบเจ้าของขายทิ้งตั้งแต่ปี 2545 โดยใช้วิธีโอนลอย เร่งตามหาเจ้าของปัจจุบัน ด้านตร.กองปราบฯเร่งตรวจสอบซุ้มมือปืน ในพื้นที่บช.ภาค 7 และภาค 8 ตรวจสอบมีใครรับงาน
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงการติดตามคลี่คลายคดี 2 คนร้ายยิงนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดัง ว่า การสืบสวนใช้ 2 หลักการ จากต้นไปหาปลายเริ่มจากจุดเกิดเหตุ และจากปลายกลับไปหาต้น คือ การตรวจสอบจากซุ้มมือปืน ถามว่า มือปืนจะถูกฆ่าตัดตอนหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องวัดดวงแต่วัดดวงโจร ไม่ใช่วัดดวงตำรวจ ยึดรถแล้วยังหนีไปไม่กลัวเขาฆ่าตัดตอนก็แล้วไป การถูกฆ่าตัดตอนก็เป็นไปได้ แต่ตำรวจก็ทำเต็มที่ ตนไม่ยอมให้เสียชื่อนครบาล
เมื่อถามว่ามีรายงานว่าจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องได้ 2 คนแล้ว พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ต้องรอผลดีเอ็นเอกับลายนิ้วมือ ถามว่าต้องนำตัวผู้ต้องสงสัยมาตรวจดีเอ็นเอกับลายนิ้วมือเปรียบเทียบหรือไม่ พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกับทาง บช.ก.อยู่แล้วว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ต้องรอผลทางวิทยาศาสตร์ ถามว่า จะมีการขอออกหมายจับเมื่อใด พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตอบว่า เมื่อผลทางวิทยาศาสตร์ออกมาเรียบร้อยแล้วคงใช้เวลาประมาณ 10 วัน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ผู้ต้องสงสัยที่นำตัวมา 2 คน เป็นผู้ก่อเหตุหรือผู้จ้างวาน พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตอบว่า เป็นผู้ลงมือ ส่วนขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุปมสังหารมาจากเรื่องอะไรตามที่ตั้งไว้ทั้ง 5 ประเด็น เนื่องจากยังมีแง่มุมที่ชุดสืบสวนยังติดใจอยู่เยอะทุกกรณี ถามว่า มีการลงขันจ้างมือปืนมาสังหารนายสมยศ หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้นจนกว่าจะได้พยานหลักฐานครบถ้วน ถามว่า มีการนำพยานที่ร้านหูฉลามไปดูตัวผู้ต้องสงสัยหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า อยู่ในสำนวนพูดไม่ได้ เพราะพยานอาจเป็นอันตราย แต่ ผู้ต้องสงสัยคล้ายมือปืนเป็นอย่างยิ่ง ส่วนรายละเอียดต้องไปถามทางบช.ก.
ต่อมาพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ เผยว่าจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้วว่า เบื้องต้นทราบว่า เป็นการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเท่านั้น ซึ่งเป็นอำนาจตามหน้าที่ของพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่มีการจับกุมคนร้ายหรือมือปืนที่ก่อเหตุ รวมทั้งผู้จ้างวานแต่อย่างใด
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการสังหารยังคงตั้งปมสังหารไว้ตามเดิมทั้ง 3 ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว และยังไม่พุ่งเป้าหรือให้น้ำหนักไปที่ประเด็นใดเป็นพิเศษ แต่ที่กำลังตรวจสอบเพิ่มเติม ที่กำลังให้ความสนใจ ก็คือเรื่องความขัดแย้งที่ตัวผู้ตายมีปัญหา และความขัดแย้งประเด็นที่ดิน ในจังหวัดนครปฐม
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ชุดคลี่คลายคดีพบรถจักรยานยนต์ที่คนร้าย ใช้ก่อเหตุนำมาจอดทิ้งไว้ที่รกร้าง ย่านรามคำแหง 24/2 นั้นหลังจากที่พบรถจยย.คันดังกล่าว ตนสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของใคร โดยประสานข้อมูลกับทางกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเจ้าของคือนายหลง สายแดง อายุ 32 ปี อยู่เลขที่ 58/1 หมู่ 8 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากการตรวจสอบประวัติพบว่าจยย.คันดังกล่าวไม่ได้ถูกแจ้งหายไว้
อีกทั้งพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายหลง ให้การว่า ซื้อรถจยย.คันดังกล่าวเมื่อปี"45 ใช้อยู่ 3-4 ปี แล้วนำไปขายให้ร้านสุเมธไซเคิล ย่านปากเกร็ด จนร้านขายให้เจ้าของรายใหม่ โดยเอกสารทั้งหมดเซ็นโอนลอย ทั้งนี้จะขยายผลข้อมูลการครอบครองรถว่า หลังจากที่รถที่ก่อเหตุมีการผลัดเปลี่ยนมือจากนายหลงแล้วตกไปที่ใครบ้างเพื่อนำมาเป็นข้อมูล รวมทั้งสั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 เพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้นำรถจยย.มาทิ้ง และขยายผลหาเส้นทางหลบหนีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีเบาะแสปมสังหาร นายสมยศ มีความขัดแย้งกับนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ ถึงขั้นนายสมยศ เคยข่มขู่จะอุ้มลูกสาวหากนางศุภนิดาไม่นำเงินมาใช้หนี้ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีและพนักงานสอบสวนได้ซักถามในประเด็นนี้ไว้แล้ว ซึ่งเป็นมูลเหตุหนึ่งที่มีการพิจารณากัน และต้องขยายความ เนื่องจากความเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูกสาวที่สุด ส่วนจะต้องเรียกนางศุภนิดา มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น หากพนักงานสอบสวนจะมี ผู้อื่นให้การพาดพิงก็คงจะต้องเรียกนางศุภนิดามาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า ในส่วนของการติดตามตัวผู้ก่อเหตุนั้น สั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีของกองบังคับการปราบปรามสนธิกำลังร่วมกันตรวจสอบซุ้มมือปืนตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ โดยเน้นไปพื้นที่ของบช.ภ.7 และภาค 8 อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข่าว เพื่อหาความชัดเจน ยืนยันว่ายังไม่ได้ตัวมือปืนที่ก่อเหตุ หรือระบุได้แน่ชัดว่ามือปืนที่ก่อเหตุมาจากซุ้มมือปืนไหน สำหรับอาวุธปืนที่คนร้ายใช้นั้นเป็นอาวุธปืนชนิดรีวอลเวอร์ จากการพิสูจน์ทราบว่าเป็นหัวกระสุนขนาด .38 ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งปืนที่มีขนาด .38 รีวอลเวอร์ หรือ .357 รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ 2 ราย หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ชุดสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายที่ อ.ท่าตะโก จ.ชุมพร เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสอบปากคำ และอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงและ ดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ 2 ผู้ต้องสงสัย ส่วนประเด็นการสังหารนั้นยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้งได้ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าทุกประเด็นอาจมีความเชื่อมโยงกันได้หมด