เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.
เปิดเผยความคืบหน้า คดีคนร้ายลอบยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี เจ้าพ่อคาเฟ่ เสียชีวิตคาลานจอดรถร้านเฮงหูฉลาม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ที่ผ่านมาชุดคลี่คลายคดีในส่วนของ บก.ป.ก็ทำงานกันอย่างต่อเนื่องและทำงานกันเต็มที่ โดยตนได้ปรึกษากับชุดทำงานว่ามีตรงจุดไหนบ้างที่จะต้องเร่งรัด จุดไหนบ้างที่สามารถตัดทิ้งออกไป รวมทั้งมีการประสานข้อมูลการทำงานร่วมกับทางตำรวจนครบาล ซึ่งถึงตรงนี้ก็มีความคืบหน้าไปมาก
พ.ต.อ.อัคราเดช เปิดเผยต่อไปว่า ยังคงให้น้ำหนักเรื่องประเด็นจูงใจในการสังหารไปที่ 4 ประเด็นหลัก ตามที่ทาง พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ได้ให้ข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี เมื่อพบข้อมูลบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมก็ต้องมีการพิสูจน์ทราบ ส่วนประเด็นปลีกย่อยอื่นๆ ก็มีการตรวจสอบด้วยทั้งหมด แต่คงให้น้ำหนักน้อยลง
สำหรับขกรณีที่มีการว่าจ้างให้ล้มคดียาเสพติดให้กับนักโทษในเรือนจำเขาบิน นั้น พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า
ถือว่าเป็นประเด็นหลักประเด็นหนึ่ง ที่อยู่ในการพิจารณาด้วย ซึ่งขณะนี้ก็กำลังตรวจสอบถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนักโทษกับผู้เสียชีวิต ว่าเกี่ยวพันกันอย่างไร สำหรับมือปืนที่ก่อเหตุ ก็ยังไม่ได้เจาะจงหรือระบุว่ามาจากซุ้มไหน เพราะต้องตรวจสอบความเชื่อมโยงก่อน
ด้าน พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า คดีคืบหน้าไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว
อยู่ระหว่างการแยกแยะข้อขัดแย้งว่ามีกี่เรื่อง ทั้งการเช่าที่ดินย่านพระราม 9 ปัญหาครอบครัว การวิ่งเต้นรับเคลียร์คดีต่าง ๆ และเรื่องการพนัน เรียงลำดับความสำคัญ และให้น้ำหนักในส่วนที่น่าจะทำให้กลายเป็นปมสังหาร ซึ่งประเด็นที่ยังคงสงสัยมากที่สุดคือ คนร้ายทราบได้อย่างไรว่าผู้ตายจะเดินทางไปกินหูฉลาม ซึ่งพยานหลักฐานที่มีตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก และจะมีการเรียกประชุมสรุปเร่งรัดคดีอีกครั้งวันที่ 10 กรกกฎาคมนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ได้มุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งปมวิ่งเต้นช่วยเหลือนักโทษคดียาเสพติด
ที่ปรากฏในสมุดบันทึกไดอารี่ของผู้เสียชีวิต โดยคดีที่ชุดสืบสวนให้ความสนใจคือคดีที่นักธุรกิจรายหนึ่งได้ว่าจ้างให้นายสมยศช่วยเหลือ เป็นเงิน 15 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินล่วงหน้า 6 ล้านบาท ให้ช่วยสู้คดี ตั้งแต่ศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ต่อมานายสมยศ ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาผู้ต้องหารู้ว่านายสมยศ ไม่ได้วิ่งเต้นสู้คดีให้ จึงขอเงินคืน แต่นายสมยศไม่คืนให้ จึงสร้างความไม่พอใจ และอาจเป็นชนวนในการสังหาร ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้ต้องหารายนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำเขาบิน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
