เปิดคลิปนาทีปลัดอำเภอตกอับปล้นร้านทอง เจอรุมกระทืบ!! วอนสื่อยุติคุ้ยประวัติครอบครัว

 ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ค. พ.ต.อ.ประจัญ ปัญญาแก้ว ผกก.สภ.เมืองพะเยา

 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ควบคุมตัวนายชัยสิทธิ์ กิตติพงษ์ ปลัดอำเภอแม่ใจ จ.พะเยา อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 347 หมู่ 1 ต.ห้วยข้าวก่ำ อ.จุน จ.พะเยา ที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองห้างทองเชีย เลขที่ 520 ถ.พหลโยธิน ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจจำนวนมาก ซึ่งหลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนก่อเหตุ โดยมีหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดภายในร้านที่บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้ หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพาขึ้นรถไปดำเนินการฝากขังตามขั้นตอนต่อไป ด้านนายชัยสิทธิ์ ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อผู้สื่อข่าว

 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนในที่สาธารณะ หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร

 ด้านนายวิศิษฏ์ ทวีสิงห์ นายอำเภอแม่ใจ จ.พะเยา เปิดเผยว่า สาเหตุหลักคงเป็นเรื่องหนี้สินที่นายชัยสิทธิ์ไปซื้อรถรูดข้าวมา 2 คัน ไว้รับจ้างรูดข้าวที่ อ.จุน

แต่ถึงเวลาที่จะต้องชำระไม่มีเงินจึงเกิดความเครียด เคยมีเพื่อนปลัดของนายชัยสิทธิ์ ใน อ.แม่ใจ เล่าว่านายชัยสิทธิ์เคยปรึกษาเรื่องหนี้สินที่ซื้อรถรูดข้าวดังกล่าวมา แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ซึ่งเพื่อนปลัดแนะนำว่าขายรถไป 1 คัน หรือขายทั้ง 2 คัน เพื่อปลดหนี้สินไม่ต้องแบกภาระความเครียด ตอนที่ตนเข้าไปเยี่ยม ณ สภ.เมืองพะเยา นายชัยสิทธิ์พูดคุยปกติ ยอมรับว่าเครียดเรื่องหนี้สิน ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

 ขณะที่นายนิมิต วันไชยธนวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ทันทีที่ทราบเรื่อง ตกใจอย่างมาก

 เนื่องจากนายชัยสิทธิ์เป็นข้าราชการที่ดีมาก ทำงานดี ไม่เคยมีเรื่องบกพร่องในหน้าที่ เรื่องหนี้สินที่เป็นปัญหาหลัก ตามที่หลายฝ่ายตั้งประเด็น คือนายชัยสิทธิ์ซื้อรถรูดข้าวมา 2 คัน เพื่อรับจ้างหารายได้เสริมอย่างสุจริต แต่อาจจะเกิดปัญหาบริหารเงินไม่ทันจึงเกิดความเครียด สำหรับเรื่องอนาคตข้าราชการนั้น ขณะนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งทางจังหวัดจะตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง ขึ้นมาดำเนินการสอบสวนทางวินัยนายชัยสิทธิ์ต่อไป ด้านสวัสดิการข้าราชการที่นายชัยสิทธิ์จะได้รับนั้น เบื้องต้นหากเป็นสมาชิก กบข. ก็จะได้รับเงินที่ฝากสะสมไว้ตามจริง แต่หากถูกไล่ออกบำเหน็จ บำนาญ ก็ไม่ได้รับทั้งสิ้น

 “อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สิ่งที่เป็นห่วงคือ สภาพจิตใจของคนในครอบครัวนายชัยสิทธิ์ทั้งภรรยาและลูก ทางจังหวัดจะหาชุดทีมงานที่เป็นนักสังคมเข้าไปดูแล เพื่อให้คำปรึกษาไม่ให้เกิดความเครียด และขอร้องสื่อและโซเชียลมีเดีย หลีกเลี่ยงการเปิดเผยประวัติครอบครัวของนายชัยสิทธิ์ เพื่อเคารพสิทธิของครอบครัวเขาป้องกัน ไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมแก่ครอบครัวด้วย” นายนิมิต กล่าว

 รอง ผวจ. กล่าวต่อว่า เรื่องการลงโทษในคดีลักษณะดังกล่าวมีโทษจำคุก 15-20 ปี หากผู้กระทำผิดรับสารภาพ และทำตัวเป็นประโยชน์ ทำตัวดี

โทษก็อาจจะลดลง มีโอกาสบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์เมื่อขณะรับโทษก็จะอยู่ในข่ายของนักโทษชั้นดี หลังจากนั้นเมื่อพ้นโทษมาแล้วหากสำนึกและกลับตัวกลับใจได้ ออกมาดำรงชีวิตอยู่ด้วยความรู้ที่มีของนายชัยสิทธิ์ ตนเชื่อว่าประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ไม่เดือดร้อน

 ขณะเดียวกันนายจรัส สุทธิกุลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จังหวัดพะเยา กล่าวว่า ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายชัยสิทธิ์

 มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว ตนได้สอบถามถึงสาเหตุการกระทำในครั้งนี้ ซึ่งนายชัยสิทธิ์นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะยอมรับว่าทำไปเพราะรักครอบครัว ซึ่งตนให้คำแนะนำปลอบใจกลับไปว่า ถ้ารักและเป็นห่วงครอบครัวจริงขอให้กลับตัวกลับใจ อย่าตัดสินใจกระทำการใดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ช่วงเวลาที่รับโทษขอให้นึกถึงคนที่รักให้มาก เพื่อเป็นกำลังใจที่จะออกมาต่อสู้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และสอนลูกให้เป็นคนดีไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

 สำหรับตนและครอบครัวไม่ติดใจเอาความ มอบเป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะดูแลคดี เนื่องจากฟังเหตุการณ์จากตำรวจแล้วประเมินว่า นายชัยสิทธิ์ไม่ได้เป็นมืออาชีพในการกระทำการชิงทรัพย์ เพียงทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้

 “จากประสบการณ์ผมที่เคยเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมาก่อน ทำให้เกิดความเป็นกังวลผลกระทบด้านจิตใจ ที่จะเกิดกับลูกที่ยังเล็กทั้งสองคนของนายชัยสิทธิ์ รวมทั้งภรรยาที่จะต้องเลี้ยงดูลูกในระหว่างที่คนเป็นพ่อไม่อยู่ด้วย ขณะเดียวกันด้านสังคม ผมอยากร้องขอให้ยุติการเผยแพร่เรื่องประวัติ และครอบครัวที่เกี่ยวกับนายชัยสิทธิ์ เนื่องจากเป็นห่วงสภาพจิตใจของครอบครัวไม่อยากให้ลูกและภรรยาของนายชัยสิทธิ์ ต้องได้รับความรู้สึกไม่ดีมากไปกว่านี้” สปช.พะเยา กล่าว