ตร.สอบเมีย-ลูกสมยศ เผยย้ำประเด็นสังหารน่าจะมาจากเรื่องทวงหนี้ แฉสาวก้อยก่อนเกิดเหตุโทรศัพท์มายืมเงิน พอไม่ให้กลับถามว่าจะไปไหน ขณะที่เสี่ยเล็ก ที่ถูกพาดพิงเข้าพบพนักงานสอบสวน แจงเลิกกับสาวก้อยนานแล้ว และบางอย่างก็ไม่เกี่ยวข้อง ตร.ชี้ไม่พบพิรุธ จึงไม่น่าเกี่ยวพัน เรืองศักดิ์ เผยเตรียมเรียกสอบอีก 3 คน ประกอบด้วย ก๊วนไพ่ที่เล่นด้วยกัน กับเสธ.นุ ที่ถูกอ้างชื่อว่าให้มาช่วยทวงหนี้ ออกแล้วภาพสเกตช์ 2 มือปืน พร้อมออกหมายจับตามภาพ พร้อมตรวจสอบรายละเอียดจากบันทึกสมยศ
จากกรณี 2 คนร้ายบุกยิงอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดัง สมยศ สุธางค์กูร เสียชีวิตคาลานจอดรถร้านหูฉลาม ย่านสวนหลวง เมื่อคืนวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นไว้ 3 ข้อประกอบด้วยปัญหาทวงเงินที่ถูกโกงพนันไป 4 ล้านบาท เงินค่าวิ่งเต้นคดีของสำนักงานทนายความนายสมยศ จำนวน 25 ล้านบาท และความขัดแย้งเรื่องที่ดินย่านพระราม 9 ขณะที่ตำรวจสอบสวนสาวก้อยคนสนิท ยอมรับว่ามีปัญหายักยอกเงินวิ่งเต้นคดี 11 ล้านบาท ไปให้นายเล็ก สามี และหลอกไปโกงพนันไพ่เก้าเก 3 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท แต่เสี่ยสมยศ กลับทวงเป็นเงิน 28 ล้านบาท พร้อมขู่ว่าหากไม่ได้จะให้เสธ.ทหารมาอุ้ม ตามที่ข่าวสดเสนอไปก่อนหน้านี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 ก.ค. นางรัศมี สุธางค์กูร อายุ 53 ปี ภรรยา และ น.ส. ณัฐธิดา สุธางค์กูร อายุ 25 ปี ลูกสาว ของนายสมยศ สุธางค์กูร เดินทางมาที่ สน. คลองตัน ตามที่พนักงานสอบสวนได้นัดหมายไว้เพื่อเข้ามาให้ปากคำ
โดยนางรัศมีกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าประเด็นสังหารจากกรณีนี้คืออะไร แต่เท่าที่ทราบนายสมยศ ทวงหนี้จากนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ อายุ 48 ปี เป็นเงิน 20 ล้านบาท และหนี้พนันที่ถูกโกงไปอีก 4 ล้านบาท มาตลอด แต่ไม่เคยได้เงินคืน ซึ่งเป็นปัญหาคาราคาซังมาร่วมปี นายสมยศก็มีมาเล่าให้ฟังบ้าง แถมยังระบุว่ามีคนจะขู่ทำร้าย แต่ตนกับสามีก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สามีตนนัดเสธ.นุ ให้ไปพูดคุยทวงหนี้จำนวน 20 ล้านบาท จากนายเล็ก ที่ร้านลาบเป็ดหน้าปากซอยบ้านพัก หลังจากกลับมา สามีก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ย้ายปืนจากห้องนอนชั้น 2 มาไว้ด้านล่างไม่ให้ห่างตัว แต่ก็ไม่เคยพกปืนออกข้างนอก
นางรัศมีกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ นางศุภนิดาโทรศัพท์หาตนเพื่อขอยืมเงิน 2 แสนบาท แต่ตนปฏิเสธไป บอกไปว่าไม่มีให้ จากนั้นนางศุภนิดา ก็ถามว่าวันนี้ไปไหนไหม ก็บอกว่าช่วงบ่ายจะพาสามีไปโรงพยาบาล แล้วไปรับประทานอาหาร จากนั้นก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
นางรัศมีกล่าวต่อว่า นางศุภนิดา มีความสนิทสนมกับสามีตนมากว่า 20 ปี มีกุญแจเข้าบ้าน และสามารถเข้านอกออกในบ้านได้ สามีตนไว้ใจมากกว่าตนเสียอีก และเรื่องบางอย่างตนยังไม่รู้เท่ากับนางศุภนิดา เลย สำหรับเรื่องเงินที่สามีถูกหลอกไปประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งนางศุภนิดา ก็มาสารภาพเมื่อประมาณ 2 เดือน พร้อมบอกว่าเอาเงินไปให้นายเล็ก ซึ่งเป็นสามีใช้จ่ายเล่นการพนัน และไปซื้อที่ดิน 2 แปลงที่ จ.ชุมพร ส่วนสมุดบันทึกส่วนตัวของสามีตน ซึ่งพกติดตัวไว้ตลอด และจดทุกอย่างไว้ข้างในอย่างละเอียดทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรื่องหนี้สิน เรื่องปัญหาต่างๆ เรื่องงาน หรือแม้กระทั่งรายการทีวีที่ชอบยังจดลงไว้เลย โดยสมุดเล่มดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไปตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้อยากถามว่าสามีตนผิดอะไร ถึงต้องมาทำแบบนี้ ทั้งที่คนอื่นโกงเงินสามีตนไป
น.ส.ณัฐธิดากล่าวว่า ปกติคุณพ่อไปไหนมาไหนคนเดียวและไม่เคยพกปืนด้วย และไม่มีบอดี้การ์ดคอยติดตาม เพราะไม่เคยทำอะไรใคร จึงไม่เคยระวังตัว ส่วนข่าวที่ระบุว่านางศุภนิดา และนายเล็ก สามี โอนที่ดินที่จ.ชุมพรชดใช้หนี้แล้ว ขอยืนยันว่า ทั้ง 2 คน ยังไม่เคยเอาอะไรมาให้ ทั้งที่ดินและเงินที่ติดหนี้ ทุกวันนี้ก็มีความหวาดระแวงอยู่บ้าง โดยต้องให้สามีตนมาอยู่ที่บ้านด้วย เพราะที่บ้านเรามีผู้หญิงอยู่กันแค่ 2 คน ส่วนหลังจากนี้อาจจะขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล แต่ก็ยังไม่มีใครมาข่มขู่พวกตนอีก
ขณะที่พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า การสอบปากคำ นางศุภนิดา เมื่อวานนี้กว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งก็ให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับประเด็นที่ตั้งไว้ 3 ประเด็นในครั้งแรกนั้น ขณะนี้กำลังพยายามบีบประเด็นให้แคบลง สำหรับภาพสเกตช์คนร้าย ได้นำตัวพยานที่อยู่ในเหตุการณ์และเห็นหน้าคนร้ายทั้ง 2 คน มาสเกตช์ภาพ และออกหมายจับตามภาพสเกตช์ ก่อนให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวและติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยในวันนี้นัดนายเล็ก สามีนางศุภนิดา ให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเข้ามาให้ปากคำหรือไม่
ที่บช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 ลงนามคำสั่งบก.น.5 ที่184/2558 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีอาญาที่ 1116/2558 คดีฆ่านายสมยศ โดยให้ พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รองผบก.น.5 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน พ.ต.อ.ชัยพล เอกกุล ผกก.สน.คลองตัน รองหัวหน้าคณะทำงาน พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.5 รองหัวหน้าคณะทำงาน ชุดสืบสวนสน.คลองตัน และชุดสืบสวนบก.น.5 รวม 11 นาย ให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณากำหนดแนวทางการสืบสวนให้ครบถ้วนจนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาในคดี และให้คำปรึกษาในกรณีที่เกิดปัญหาข้อขัดข้องในการสืบสวนหรือการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนทุกกรณี เร่งรัดดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว รายงานผลการสืบสวนให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ขณะที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ลงนามคำสั่งบช.น.ที่ 247/2558 เรื่องแต่งตั้งหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งบก.น.5 ที่ 184/2558 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่สื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจจึงจำเป็นต้องมีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนรอบด้านเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือข้อพิสูจน์ความผิดและเพื่อที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย ดังนั้นเพื่อให้การสืบสวนเป็นไปด้วยความรวดเร็วละเอียดรอบคอบและเกิดความเป็นธรรมอาศัยอำนาจตามพระราชกฤษฎีกาโอนกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทยไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คำสั่งตร.ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 ก.ค.2556 เรื่องการอำนวยความยุติธรรมเป็นคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวน และมาตรการควบคุมตรวจสอบ เร่งรัดสอบสวนคดีอาญา จึงให้ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี ดังกล่าว