โจรฉกทรัพย์-วิ่งราว สำนึกผิดก้มกราบเท้าผู้เสียหายชาวอุดรฯ

ตำรวจอุดรธานีแถลงข่าวหลังตามจับกุมตัวคนร้าย 2 ราย ก่อเหตุวิ่งราวชิงทรัพย์ 2 แห่ง สำนึกผิดก้มกราบเท้าผู้เสียหายอโหสิกรรมให้ เผย หาเงินเลี้ยงดูลูกเมีย

วันนี้(22มิ.ย.58)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานีพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ,พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี  ได้นำผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในคดีชิงทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์ ประกอบด้วย นายปรีชา หรือไผ่ ดาวสว่าง อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 13 หมู่ 7  ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี และนายกฤษฏา หรือออย เจริญผล อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 28 ม.14 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเกตุ 2 คัน กุญแจรถยนต์ 1 ดอก นาฬิกา 1 เรือน กระเป๋าของผู้เสียหาย 3 ใบ เงินเหรียญจำนวน 5 ถุง รวมเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท และเอกสารใบจำนำ เอกสารผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง ในข้อหาชิงทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดและวิ่งราวทรัพย์

พล.ต.ต.ชัยญัติ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 58 เวลา 15.30 น.ที่ผ่านมา นายปรีชา และนายกฤษฏา ไปก่อเหตุวิ่งราวที่ร้านค้าของชำ บริเวณ บ้านหนองขาม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้เสียหายคือนางสาวเทียมใจ เจริญชัย อายุ 53 ปี ซึ่งนายปรีชา ทำทีเข้าไปสอบถามมาหาเช่าห้องพักอยู่และใช้ช่วงที่ผู้เสียหายเผลอทำการกระชากกระเป๋าคาดเอวแล้ววิ่งขึ้นรถ จยย. โดย นายกฤษฏา จอดรอหน้าร้านก่อนขี่หลบหนีไป ได้เงินสดเกือบ 2 หมื่นบาท โดยมีภาพกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายทั้ง 2 คน

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้ามาชิงทรัพย์ ในร้านจามจุรีมินิมาร์ท หน้าหมู่บ้านจามจุรี ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี  คนร้าย คือ นายปรีชา ทำทีเข้ามาซื้อของและอาศัยช่วงเจ้าของร้านเผลอ ใช้ขวดเบียร์ตีที่บริเวณหน้าศีรษะ นางสาวองอร แก้วก่า อายุ50 ปี ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คนร้ายจะชิงเอากระเป๋าสะพายสีดำ ยี่ห้อโปโล ที่วางอยู่ข้างโต๊ะทำงาน ข้างในมีเงินสด 2,000 บาท บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ กุญแจรถเก๋ง ยี่ห้อเซฟโรเลต 1 ดอก และเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ก่อนวิ่งออกไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกคนร้ายไว้ได้

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการออกสืบสวน จนทราบว่ารถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุใครเป็นเจ้าของ โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะใช้วิธีการขอยืมรถ จยย.คนรู้จักมา นำไปใช้ไปก่อเหตุ ทำให้สามารถติดตามจับกุมนายปรีชา ได้ตัวที่ห้องพักที่ชานคารีสอร์ท ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี  แล้วนำตัวไปขยายผลไปทำการจับกุมตัว นายกฤษฏา ที่บ้านพักพร้อมกับตรวจยึดของกลางดังกล่าว

นายปรีชา ให้การรับสารภาพว่า  ตนเคยถูกจับกุมคดีเมาแล้วขับ เมื่อพ้นโทษออกมาก็ไม่มีงานทำไปหางานสมัครงานทำที่ไหนก็ไม่มีใครรับทำงาน ซึ่งตนต้องมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูลูกเมีย โดยภรรยาคนแรก ที่เลิกกันไปมีลูกด้วยกัน 1 คน แล้วตนก็มีภรรยาใหม่ซึ่งมีลูกติด 1 คน  ซึ่งภรรยากำลังท้องมาได้ 3 เดือน ทำให้ตนในตอนนี้มีลูก ถึง 3 คน ที่ต้องเลี้ยงดู  โดยตนได้ไปยืมรถ จยย.คนรู้จักไปก่อเหตุชิงทรัพย์ ร้านจามจุรีมินิมาร์ท แต่ได้เงินไม่มากนักไม่พอที่จะพาภรรยาไปฝากครรภ์กับหมอ ตนจึงชักชวน นายกฤษฏา เพื่อนรุ่นน้อง ขับรถ จยย.ออกไปตระเวนก่อวิ่งราวทรัพย์เจ้าร้านค้าของชำอีก

หลังก่อเหตุจึงได้แบ่งเงินกัน โดยตนได้นำเงินไปเปิดห้องพักอยู่กับภรรยาและลูกๆ ตามรีสอร์ท เนื่องจากไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง ถ้าจะไปอยู่บ้านภรรยา ก็กลัวว่าญาติทางภรรยาจะดูถูกเอา เงินส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้จะพาภรรยาไปฝากครรภ์  ส่วนนายกฤษฏา หลังจากได้เงินก็จะเอาไปใช้จ่ายและเที่ยวเตร่ จนมาถูกตำรวจจับกุมไว้ได้

หลังจากแถลงข่าวเสร็จ นายปรีชา  ได้เกิดสำนึกผิดจึงทำการขอขมากราบเท้า นางสาวองอร ที่ถูกทำร้ายร่างกายและขโมยกระเป๋าไป ซึ่งนางสาวองอร ได้อโหสิกรรมให้  ซึ่งสามีผู้เสียหาย ได้มอบเงินจำนวน 500 บาท เพื่อให้เป็นค่านมลูกของนายปรีชาด้วย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์