วันที่ 10 มิ.ย. นายเสรี คีรีรักษ์ อายุ 54 ปี อาชีพค้าขาย อยู่ ถ.ควนขนุน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 มิ.ย. ตนและภรรยา พร้อมลูกชายอีก 2 คน หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ตั้งใจจะไปเดินเล่นบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง(หลังเดิม) เนื่องจากมีงานตลาดนัด โดยได้มีการจอดรถไว้ที่บริเวณด้านล่าง
โดยจะเดินไป เพราะคนบริเวณนั้นเยอะ ไม่มีที่จอดรถ แต่ปรากฏขณะที่ตนกำลังเดินนำหน้า และมีลูกสองคนวิ่งตามหลัง ทันใดนั้นลูกชายคนโตของตน คือ ด.ช.กฤตกานต์ คีรีรักษ์ อายุ 10 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.4 เดินไปสะดุดสายไฟที่ผูกติดระหว่างต้นไม้กับขอบปูนซิเมนต์ บริเวณหน้าศาลากลาง (ด้านล่าง) ล้มลงหัวฟาดพื้นอย่างแรง จนต้องนำตัว ส่ง รพ. โดยด่วน
หลังจากตรวจอาการเบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ตนและภรรยาก็ให้ลูกนอนหลับพักผ่อน เวลาผ่านไปประมาณ 3-4 ชม. ลูกชายของตน ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่ารู้สึกปวดหัว และขอยาแก้ปวดทาน แต่ภรรยาตนไม่อนุญาต รีบนำตัวลูกส่ง รพ.อีกครั้ง ปรากฏหมอส่งเข้าห้องฉุกเฉินและเอ็กซเรย์ทันที พบว่าลูกของตนกะโหลกร้าว มีเลือกคั่งในสมองขนาด 80 ซีซี. (เท่าลูกเทนนิส) ต้องผ่าตัดโดยด่วน
นายเสรี กล่าวว่า โชคดีครอบครัวตน พอมีเงินสำรองและไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน โดยค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดพร้อมค่ารักษาพยาบาลคาดว่าหลายแสนบาท แต่ตนก็พร้อมจ่าย เพื่อแลกกับชีวิตลูก แต่ที่น่าเสียใจ คือหลังจากเกิดเรื่อง ภรรยาตน คือ นางอรศรี คีรีรักษ์ ได้ส่งข้อความผ่านไปทางเฟซบุ๊กของนายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง เพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบ และขอให้มีการเอาสายไฟดังกล่าวออกเพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเด็กคนอื่นๆอีก ตนเห็นว่าข้อความถูกอ่านแต่ไม่ได้มีการตอบรับใดๆ คาดว่านายกฯ คงไม่ให้ความสำคัญกับพวกตน ชีวิตลูกชายตนคงไม่มีค่า
จากนั้นตนก็เดินทางไปบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ที่จุดเกิดเหตุ เพื่อดึงสายไฟออก แต่ตนก็ดึงไม่ออก และได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลนครตรัง ตั้งใจว่าจะไปขอพบนายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรี เพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้ แต่ตนนั่งรอจนเกือบ 09.30 น. ก็ยังไม่เห็นมีใครมาทำงาน ตนจึงเดินทางกลับเพื่อไปเฝ้าลูกชายตนที่ รพ.อีกครั้ง
จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการติดต่อใดๆ จริงๆแล้ว หลังจากมีการแชร์เรื่องราวของลูกชายตนผ่านเฟซบุ๊ก ก็มีหลายคนมาเยี่ยม จนหมอต้องสั่งงดเยี่ยมเพราะลูกตนต้องการพักผ่อน ซึ่งตอนนี้ผ่าตัดสมองเรียบร้อยแล้ว อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว สิ่งที่ตนต้องการ คือ การแสดงน้ำใจ ของผู้หลักผู้ใหญ่ ที่อาจจะไม่ใช่เงินทองเสมอไป
แต่เพียงการไปเยี่ยมเยียน การให้กำลังใจ หรืออะไรก็ตามที่แสดงความรับผิดชอบ ต่อประชาชนผู้เสียภาษี ให้กับเทศบาลฯ คนหนึ่ง ตนมาหากินสุจริต ไม่เคยข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย ถ้าตนจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก็ทำได้ แต่ ณ ตอนนี้จิตใจของตนกับครอบครัว อยู่ที่ลูกชาย ไม่ได้คิดเรื่องอื่นๆ แต่ก็รู้สึกเสียใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตน เป็นแค่สิ่งไร้ค่าของเทศบาลนครตรังอย่างนั้นหรือ
ตนก็คงต้องฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ขอให้ลูกชายของตนเป็นคนสุดท้ายที่จะเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ อย่าได้มีลูกใครเจอเหมือนกับลูกชายของตนอีกเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการร้องเรื่องปัญหาดังกล่าว นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง ก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุและมีการรื้อสายไฟบางส่วนที่คาดว่าทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ออกแล้ว