คน คมชัดลึก แจ้งจับม็อบคาราวานคนจน แฉพฤติกรรมถ่อย!เย้ยถากถางหญิงท้องแก่
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2549 19:31 น.
บรรณาธิการอาวุโส นสพ.คม ชัด ลึก และพนักงานในเครือเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป กว่า 200 คน เข้าชื่อยื่นแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มคาราวานคนจนที่ปิดล้อมอาคารห้ามคนในออกคนนอกเข้า พนักงานครรภ์แก่แฉพฤติกรรมและวาจาสุดถ่อย ขอไปตรวจครรรภ์ตามที่หมอนัด กลับพูดจาเย้ยหยันจะให้หมอตำแยมาทำคลอดให้
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล บรรณาธิการอาวุโส นสพ.คม ชัด ลึก พร้อมผู้สื่อข่าวและพนักงานเครือเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด กว่า 20 คน พร้อมใจกันแต่งชุดดำเดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายคำตา แคนบุญจันทร์ นายอรรถฤทธิ์ สิงลอ และผู้เกี่ยวข้องในกลุ่มคาราวานคนจน ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว หลังกลุ่มคาราวานคนจนได้ทำการปิดล้อมอาคารเนชั่นทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายจักร์กฤษนำรายชื่อพนักงานในเครือรวม 212 คน ยื่นผ่าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ชัย ถนัดหนังสือ รองเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายจักร์กฤษ กล่าวว่า ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งใช้ชื่อคาราวานคนจน นำโดยนายคำตา และนายอรรถฤทธิ์ ได้นำกำลังมาปิดล้อมที่ทำการ นสพ.คม ชัด ลึก เป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง มีพฤติการณ์แสดงอำนาจโดยมิชอบตามกฎหมาย เพื่อหน่วงเหนี่ยวกักขังข่มขู่ ข่มขืนใจให้ยอมกระทำตามเงื่อนไขภายใต้แรงกดดัน โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพต่อผู้บริหาร พนักงาน นสพ.คม ชัด ลึก และสื่อต่างๆ ในเครือเนชั่น รวมมถึงพนักงานบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในอาคารเนชั่น ทาวเวอร์ ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
บรรณาธิกาารอาวุโส นสพ.คม ชัด ลึก กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อแจ้งความครั้งนี้ เป็นเรื่องปกติธรรมดาในฐานะผู้ถูกกระทำ เป็นการใช้สิทธิในฐานะพลเมืองไทย โดยไม่ได้ต้องการไปกดดันใคร เพราะเชื่อว่าการกระทำของคาราวานคนจนเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ ส่วนเหตุผลที่เพิ่งเดินทางมาแจ้งความนั้นเนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ประกอบกับมีผู้ประสงค์จะแจ้งความมาจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ไปจะมีตามมาอีก เพราะอาคารเนชั่นทาวเวอร์ เป็นที่ตั้งของบริษัทอื่นๆ นอกเหนือจากบริษัทในเครือเนชั่นอีกจำนวนมาก
นายจักร์กฤษ ยังกล่าวถึงการปฏิบัติของตำรวจในเหตุการณ์วันเกิดเหตุด้วยว่า ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ได้สมกับภาวการณ์ในขณะนั้นแล้ว ซึ่งจะไม่ตำหนิ โดยถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะในวันเกิดเหตุยังมีการชุมนุมที่หน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ ทำให้กำลังตำรวจไม่สามารถมาดูแลได้อย่างเต็มที่
ขณะนี้ได้มีการประสานขอกำลังตำรวจ ไปดูแลความปลอดภัยเข้มข้นขึ้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจมากนัก นายจักร์กฤษ กล่าว
บรรณาธิการอาวุโสผู้นี้ยังได้ตอบคำถามถึงสาเหตุที่ไม่ไปแจ้งความยัง สน.บางนา ซึ่งมีม็อบคาราวานคนจนไปรออยู่หน้าโรงพักด้วยว่า การเดินทางมาแจ้งความที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ เป็นมติร่วมกันของผู้ที่เข้าแจ้งความให้มายื่นหนังสือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เห็นเป็นภาพรวมใหญ่ มากกว่าการเข้าแจ้งความที่ สน.ท้องที่ เพราะอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด ตามขั้นตอนของกฎหมาย คดีจะถูกส่งไปที่ สน.บางนา อยู่ดี
ส่วนจะมีการดำเนินการกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งมีการถ่ายภาพไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น นายจักร์กฤษ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต ยังไม่ก้าวล่วงถึงขั้นนั้น เบื้องต้นขอดำเนินการในส่วนที่มีพฤติกรรมชัดเจนก่อน ส่วนประเด็นอื่นๆ จะมีการพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง
พวกผมไม่ได้หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น เพราะพวกผมเดินทางมาในวันนี้เพื่อป้องกันสิทธิ เป็นการใช้สิทธิป้องกันตัวตามกฏหมายในฐานะพลเมืองไทยคนหนึ่งเท่านั้น นายจักร์กฤษกล่าวเมื่อถูกถามว่าหวั่นเกรงหรือไม่หลังการเข้าแจ้งความในวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปิดล้อมอาคารที่ทำการ นสพ.คม ชัด ลึกอีกครั้ง
ด้าน นางอุไรวรรณ ภู่วิจิตรสุทิน อายุ 37 ปี ผู้สื่อข่าวสายการเงิน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งตั้งครรภ์ถึง 8 เดือน และอยู่ในเหตุการณ์ในวันถูกปิดล้อม กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุกำลังจะเดินทางไปตรวจครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่งใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่แพทย์นัดไปตรวจทุกสัปดาห์เพื่อความปลอดภัยของเด็กในครรภ์ เนื่องจากใกล้กำหนดคลอดแล้ว จึงได้นัดให้สามีมารับที่บริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก ด้านหน้าอาคารเนชั่นทาวเวอร์ และเมื่อเวลา 16.00 น. จึงได้ขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดล้อมอยู่ โดยแจ้งเหตุผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบ แต่ก็ไม่ได้รับการอนุญาตให้ออกไป มิหนำซ้ำกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายกลับใช้วาจาที่ไม่สุภาพ และพูดจาเย้ยหยัน โดยบอกว่า ถ้าคลอดแล้วจะให้ออก เดี๋ยวจะหาหมอตำแยมาให้ คำพูดดังกล่าวทำให้รู้สึกเสียใจ และเสียความรู้สึกว่าทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง หรือมีมนุษยธรรมกันบ้าง ไหนบอกว่ามาชุมนุมกันอย่างสงบ ซึ่งยังได้คิดในใจว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ท้องเหมือนตนบ้างคงไม่รู้สึก
นางอุไรวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากตนแล้วยังมีพนักงานในร้านสะดวกซื้อที่ตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน แต่หลังจากออกเวรเพื่อจะกลับบ้านไปพักผ่อนนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้กันเอาไว้ และต้องรอจนถึงเวลา 18.30 น.จึงได้ออกมาพร้อมตน
ก่อนหน้านี้ไม่คิดจะแจ้งความ แต่หลังจากได้อ่านข่าวที่แกนนำม็อบไปพูดบนเวทีอ้างว่าไม่มีการห้ามคนท้องออก และที่สำคัญได้ตั้งคำถามว่าคนท้องมาทำงานได้อย่างไร ดิฉันรู้สึกว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะคนท้องก็ยังทำงานได้ จึงได้ตัดสินใจมาแจ้งความ อยากให้พูดความจริง ไม่ใช่มาบิดเบือนเช่นนี้ ฟังแล้วเสียความรู้สึก นางอุรวรรณ กล่าว