3โจรไอ้โม่งบุกปล้น มัดรปภ.โฮมมาร์ตกวาดเงินไป1หมื่น

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พ.ต.ท.ประเสริฐ พรมจันทร์ พงส. (สบ 3) สน.ธรรมศาลา

รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์

บริษัทคอมพลีท เฮ้าส์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 51/1 หมู่ 6 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. จึงรุดไปสอบสวนพร้อมผู้บังคับบัญชา ประกอบด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.น.7 พ.ต.อ.บรรหาญ สมเกียรติ ผกก.สน.ธรรมศาลา และ พ.ต.อ.กิตติคุณ พูลสมบัติ ผกก.สส.น.7

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารขนาดใหญ่

เปิดขายสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างยี่ห้อซิเมนต์ไทย โฮมมาร์ท บริเวณประตูกระจกทางเข้าด้านหน้าถูกคนร้ายทุบจนแตกกระจายเกลื่อนพื้น บนเคาน์เตอร์แคชเชียร์พบเครื่องคิดเงินอัตโนมัติถูกงัดลิ้นชักจนเปิดอ้า

ส่วนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ คนร้ายไม่ได้แตะต้อง นอกจากนี้ ยังพบนายสุถัน พลวาปี อายุ 43 ปี รปภ.ของห้าง ถูกคนร้ายใช้เชือกฟางมัดมือมัดเท้าอยู่ในห้องน้ำข้างตัวอาคาร จึงเข้าช่วยเหลือ เบื้อง ต้นไม่ได้รับอันตรายหรือมีบาดแผลอื่นใด

นายสุถันที่ยังอยู่ในอาการตกใจให้การว่า

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมามีฝนตกหนัก ขณะเดินตรวจสอบความเรียบร้อยที่หน้าห้าง ถูกคนร้าย 3 คน สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าเป็นไอ้โม่งบุกเข้ามาใช้ปืนจี้บังคับไม่ให้ต่อสู้ ขัดขืน แล้วใช้เชือกฟางมัดมือมัดเท้า ลากเอาไปขังไว้ในห้องน้ำด้านข้างห้าง สักพักได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้น สำหรับ 1 ใน 3 คนร้าย จำได้ว่ามีลักษณะบุคลิก ท่าทาง การพูดการจา เหมือนนายอู ไม่ทราบนามสกุล อดีต รปภ.ที่ถูกไล่ออกไปเมื่อปีที่แล้ว

ด้าน พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.น.7 เปิดเผยว่า

หลังคนร้ายจับนายสุถันไปขังไว้ในห้องน้ำแล้ว ได้ใช้ของแข็งทุบประตูกระจกทางเข้าด้านหน้า งัดลิ้นชักเครื่องคิดเงินอัตโนมัติ ได้เงินไป 1 หมื่นบาท แต่ยังไม่ทันได้เอาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่น เพราะมีสัญญาณกันขโมยดังขึ้น จึงรีบหลบหนีไป

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บลายนิ้วมือที่พบในที่เกิดเหตุไว้แล้ว

พร้อมทั้งตรวจสอบภาพวงจรปิดเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป สำหรับแก๊งคนร้ายรายนี้ เชื่อว่าจะเป็นคนร้ายแก๊งเดียวกับที่บุกปล้นห้างโฮมมาร์ท ใน อ.เมืองสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เงินไป 1 แสนกว่าบาท พร้อมทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นอีกจำนวนมาก

สายวันเดียวกัน ที่ บช.น. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.

และนายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รอง กก.ผจก.บมจ.ซี.พี. เซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมกันนำตัวนายณัฐวุฒิ หรือเล็ก โต๊ะดิน อายุ 24 ปี มาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวหาว่าร่วมกับพวกชิงทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธปืน เป็นเหตุให้ น.ส.สุดใจ บัววิไล พนักงาน

ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาบ้านสวนธน

ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาบ้านสวนธน ซอยพุทธบูชา 42 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม. เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย. ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.8 ติดตามจับกุมได้ที่ซอยมิตรไมตรี แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม.

พล.ต.ท.อดิศรแถลงว่า

จากการสอบสวนผู้ต้องหารับว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อน 2 คน คือ นายสุชาติ หรืออ้วน โพธิ์หอม อายุ 33 ปี และนายสุวรรณ นาทมพลับ อายุ 27 ปี จนเหล้าหมด จึงวางแผนปล้นร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หาเงินเป็นค่าซื้อเหล้า โดยนายสุชาติเอาปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ให้กับนายณัฐวุฒิ ส่วนนายสุวรรณทำหน้าที่ขี่จักรยานยนต์

เมื่อมาถึงร้านเกิดเหตุ

นายณัฐวุฒิถือปืนเดินไปยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงินของร้าน พูดกับ น.ส.สุดใจ พนักงานของร้านว่า นี่คือการปล้น แต่ปืนเกิดลั่นถูก น.ส.สุดใจ จนเสียชีวิต หลังถูกจับกุมให้การรับสารภาพว่าไม่ได้มีเจตนายิงผู้ตาย แต่ปืนลั่นไปเอง สำหรับคนร้ายที่เหลืออีก 2 คน ได้ให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามมาดำเนินคดีแล้ว

ด้านนายสุวิทย์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งพนักงานของ

ร้านเข้าอบรมทักษะ เพื่อสังเกตพฤติกรรมบุคคลที่คาดว่า เป็นคนร้าย กรณีนี้ เมื่อดูจากภาพโทรทัศน์วงจรปิด คนร้าย ถือปืนเข้ามาชิงทรัพย์ และยิง น.ส.สุดใจ พนักงานในร้าน จนล้มฟุบ แต่ยังมีสติเอื้อมมือมากดสัญญาณเตือนภัยแจ้ง เหตุ เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นเงิน 4 แสนบาท นอกจากนี้ ทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาได้ติดตั้งกล้อง วงจรปิดภายในร้าน และบริเวณด้านนอกเพิ่มเติม หากมี คนร้ายเข้าก่อเหตุ สามารถนำหลักฐานส่งให้ตำรวจดำเนินการได้ทันที

ต่อจากนั้น พ.ต.อ.ไกรฤกษ์ บัวแก้ว ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ

พร้อมกำลังสายตรวจ 20 นาย คุมตัวนายณัฐวุฒิ หรือเล็ก โต๊ะดิน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้าน เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านย่านดังกล่าวราว 200 คน ต่าง พากันแห่แหนมาดูหน้าคนร้าย จนถนนในซอยพุทธบูชาติดขัด ระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

มีบางช่วงที่เพื่อนผู้ตายปรี่เข้าไปจะประชาทัณฑ์นายณัฐวุฒิให้ หายแค้น แต่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามปรามไว้ได้ทัน จากนั้นจึงนำ ตัวกลับมาควบคุมต่อที่ สน.โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ