พ่ออดีตพลทหาร เปิดใจลูกชายหายตัวปริศนากว่า 2 ปี ไม่รู้ชะตากรรม หลังอำเภอรับตัวเข้าค่ายเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ก่อนคลุ้มคลั่งวิ่งหนี ทำให้ขาดเสาหลักบ้าน ต้องอาศัยรับจ้าง ขับ จยย.ตระเวนขายผักเลี้ยงครอบครัว แบกภาระหนี้สิน โวยหน่วยงานเกี่ยวข้องปัดรับผิดชอบ เชื่อมีเงื่อนงำพบพิรุธหลักฐานเข้าตรวจรักษา ด้านปลัดแจงพร้อมหาทางเยียวยา
วันนี้(5มิ.ย.58)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณี นายประเสริฐศักดิ์ สังขะวรรณ อายุ 44 ปี พร้อมภรรยา นางนวน เวียงอินทร์ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 10 บ้านไทยเจริญ ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นำเอกสารหลักฐานมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องให้มาดูแลช่วยเหลือ หลังได้รับความเดือดร้อนโดย นายสมควร เวียงอินทร์ อายุ 29 ปี บุตรชาย ที่เคยเป็นอดีตพลทหาร หายตัวไปปริศนานานกว่า 2 ปี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 ทางฝ่ายปกครองอำเภอศรีสงคราม ได้มาขอร้องให้บุตรชายไปเข้ารับการอบรม ตามโครงการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด รุ่นที่ 1/2556 ระหว่างวันที่ 3-11 เมษายน 2556 ณ โรงเรียนบ้านข่าพิทยาคม ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เพื่อแก้ไขปัญหาลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติติดยาเสพติด เพียงชอบดื่มสุรา โดยอ้างว่าขอความร่วมมือเนื่องจากจำนวนผู้เข้าอบรมไม่ครบ ทางพ่อแม่จึงคิดว่าเป็นเรื่องดีจะได้เข้าไปฝึกระเบียบวินัย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2558 ได้รับแจ้งจากทางอำเภอว่า ลูกชายป่วย ถูกนำส่งตัวมาดูแลรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม แต่ระบุว่าเกิดอาการคลุ้มคลั่ง และหลบหนีเจ้าหน้าที่ไป จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ศรีสงคราม เพื่อประกาศตามหาคนหาย รวมถึงประสานฝ่ายปกครอง ช่วยติดตามหา แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ และไม่มีหน่วยงานออกมาติดตามหาตัวลูกชาย จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ปี ยังไม่รู้ชะตากรรม เคยไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับทางอำเภอ ตำรวจ เพื่อเร่งรัดสอบสวนหาสาเหตุโยละเอียด และติดตามหาตัวลูกชาย กลับไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ จนกระทั่งล่าสุด ยังไม่มีความคืบหน้า โดยพ่อแม่ผู้สูญหาย มีความเชื่อมั่นว่า การหายตัวไปของลูกชายมีเงื่อนงำ ต้องการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ
นายประเสริฐศักดิ์ สังขะวรรณ อายุ 44 ปี พ่อของอดีตพลทหาร ที่สูญหาย กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 2 ปี ที่ผ่านมาตนและครอบครัว ญาติพี่น้องยังรอความหวังว่าลูกชายจะมีชีวิตรอดกลับมา ไปร้องทุกข์หน่วยงานแล้ว กลับไม่เป็นผล มาถึงวันนี้ยังไม่สิ้นหวัง จะรอจนกว่าจะหมดลมหายใจ แต่สิ่งที่ตามมาคือ สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว เนื่องจากมีลูกแค่ 2 คน คนโตคือลูกชายที่หายไป ส่วนอีกคนเป็นเด็กหญิงอายุ 10 ขวบ แถมป่วยโรคหัวใจ เพราะเดิมลูกชายจะช่วยทำงานรับจ้าง ช่วยเหลือทำไร่ทำสวน ยืนยันว่าไม่เคยป่วยทางประสาทหรือติดยาเสพติดเพราะไปเป็นทหารเกณฑ์ถึง 2 ปี ไม่เคยมีประวัติ พึ่งปลดมาได้ประมาณ 1 ปี แต่มีดื่มเหล้าตามประสาวัยรุ่น สามารถช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก แต่ที่ไปเข้าค่ายอบรมเพราะฝ่ายปกครองมาขอความร่วมมือคิดว่าจะเป็นเรื่องดีจึงให้ไป
โดยฝ่ายปกครองมารับตัวไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2556 จนถึงค่ำวันที่ 5 เมษายน 2556 หลังลูกชายไปอบรมได้ 1 วัน ทางปกครองแจ้งว่าลูกชายป่วย นำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอศรีสงครามให้ไปดูอาการ แต่ไม่ทันเห็นลูกชายไปถึงทางเจ้าหน้าที่ ระบุว่าลูกชายคุ้มคลั่ง มีอาการหวาดผวาจะมีบุคคลทำร้าย และวิ่งหลบหนีออกไปจากโรงพยาบาล จึงพาได้ติดตามกับไม่พบ และช่วยกันประกาศติดตามหามาตลอดแต่ไม่รู้ชะตากรรม
ซึ่งจุดนี้ตนยังมีความสงสัยว่าการหายตัวของลูกชายมีเงื่อนงำ เพราะที่ผ่านมาไปขอข้อเท็จจริง เพื่อความกระจ่างในการนำลูกชายมารักษากลับไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจน กลับถูกต่อว่าอีกทั้งที่ลูกชายตนหายทั้งคน ซึ่งยังติดใจว่าหากลูกชายคลุ้มคลั่งจากเมาเหล้าหรือเครียด พอดีขึ้นต้องหาทางกลับบ้าน เนื่องจากไม่มีเพื่อนต่างจังหวัดหรือไม่เคยไปไหนเลย เงินติดตัวยังไม่มีหรือหากตายเป็นศพน่าจะพบ จึงอยากให้ทางอำเภอ ฝ่ายปกครอง มาดูแลแก้ไข หาทางช่วยเหลือ รับผิดชอบเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ได้หวังเรื่องเงินทอง ชีวิตคนได้เท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม แต่อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมาดุแลช่วยเหลือบ้าง ต้องเป็นภาระหนี้สินค่าใช้จ่ายติดตาม เดินทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานกว่า 2 ปี
ยอมรับครอบครัวได้รับผลกระทบทางจิตใจ รวมถึงความเป็นอยู่มาก ฝากไปถึงลูกชายหากยังมีชิวิตอยู่ หรือผู้พบเห็นให้ติดต่อประสานงานกับมาได้ที่ โทร 087-230-3200 วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ คนหายทั้งคนกับไม่ได้รับการดูแลเลย เรื่องนี้ยอมรับว่าทำใจไม่ได้กับการสูญเสียแบบนี้
ด้าน นายจิตติ จตุธรรม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ออกมาชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐาน ยืนยันว่า วันเกิดเหตุผู้สูญหาย มีอาการเครียดคลุ้มคลั่ง ทำให้นำตัวส่งมารักษาที่โรงพยาบาลอำเภอศรีสงคราม จนกระทั่งมีการหลบหนีไป จึงแจ้งทางญาติ ประสานตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมกันติดตามหา แต่ไร้วี่แวว จนกระทั่งถึงปัจจุบันซึ่งทางอำเภอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบสวนผู้เกี่ยวข้องหาสาเหตุมาตลอด อย่างไรก็ตามทางอำเภอจะได้หาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหากยังไม่พบเห็น และมีการประสานกับทางตำรวจสืบสวนหาตัวอย่างต่อเนื่อง