พ่อน้องแวว คดีฆ่าข่มขืน ออกมาเปิดใจ แฉ ปมฆ่าข่มขืนลูกสาว เชื่อคนใกล้ชิด ฉวยโอกาสความสนิทสนมลงมือ ด้าน ตำรวจ ยัน เคยเสนอออกหมายจับ แต่หลักฐานไม่ชัดเจน เร่งสอบเก็บหลักฐานเพิ่ม
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเขียว(นามสมมติ) บิดาของน้องแวว ในคดีลูกสาวถูกฆ่าโหด ข่มขืน บ้านพักอยู่ที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับคดีล่าช้า ว่า สำหรับคดีฆ่าข่มขืนลูกสาว ถือเป็นคดีสำคัญที่สร้างความสะเทือนขวัญ ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากในรอบหลาย 10 ปี ไม่เคยเกิดคดีเลวร้ายแบบนี้มาก่อน หนำซ้ำ ยังมีปัญหาจับตัวคนร้ายไม่ได้อีก โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2556 หลังลูกสาวที่อาศัยอยู่กับยาย เพราะตนกับภรรยาไปทำงานรับจ้างที่ กทม. หาเงินเลี้ยงครอบครัว ได้หายตัวออกจากบ้านไป 3 วัน จนกระทั่งชาวบ้านพบศพ ถูกทิ้งไว้ในลำห้วย บริเวณลำห้วยโคน ทางเข้าหมู่บ้าน ห่างจากบ้านผู้ตาย ประมาณ 400 เมตร แต่ภายหลังเวลาล่วงเลยไปเกือบ 2 ปี ถึงปัจจุบัน คดีกลับไม่คืบหน้า ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ออกมาเรียกร้อง ร้องทุกข์ไปทุกที่ ไม่มีความคืบหน้า สุดท้ายต้องขึ้นป้ายร้องทุกข์กับฝาบ้าน และร้องผ่านสื่อขอความเป็นธรรม
โดยในปมฆ่าข่มขืนครั้งนี้ จากการสอบถามพูดคุยคนใกล้ชิด และติดตามพฤติกรรมคนในหมู่บ้าน ตนมีความเชื่อมั่น ว่า คนลงมือ เป็นคนที่มีความสนิทสนม ใกล้ชิดกับลูกสาวแน่นอน เพราะปกติลูกสาวไม่ใช่คนเกเร อยู่ตามสภาพเด็ก เล่นกับเพื่อนในหมู่บ้าน ถ้าไม่คุ้นเคย ยากที่จะไปพูดคุยหรือไปด้วย ส่วนหนึ่งลูกสาวเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี อาจเป็นเหตุจูงใจ ที่สำคัญจากการสอบถามเพื่อนคนใกล้ชิด รวมถึงการสอบสวนของตำรวจ จุดที่เป็นกุญแจสำคัญของคดีนี้ คือ จุดสุดท้ายที่ลูกสาวหายตัวไป หลังมาอาศัยกับเพื่อนบ้าน นานได้ 1 เดือน เพราะมีเพื่อนที่สนิทกัน จึงมีความไว้ใจตามประสาเด็ก แต่จากการสอบสวนไม่มีความชัดเจน ไม่มีใครให้คำตอบกับประเด็นที่น้องแวว หายไปจากจุดสุดท้ายที่พบ กลายเป็นปมฆ่าโหดครั้งนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่า คนใกล้ชิด หรือคนในพื้นที่ก่อเหตุ ทำให้ตนหวาดผวากลัวจะมีการย้อนมาทำร้ายครอบครัว จึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด และฝากตำรวจคลี่คลายคดีนี้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากล่วงเลยมานานมาก
ด้าน พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน ผกก.สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม กล่าวว่า ในประเด็นเกี่ยวกับคนในพื้นที่ หรือคนใกล้ชิดนั้น เรียนว่า ตนเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ไม่กี่เดือน ภายหลังมารับตำแหน่ง ได้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่อเนื่อง และกำชับให้ตำรวจเกี่ยวข้องเร่งดำเนินคดีตามขั้นตอนมาตลอด ส่วนความล่าช้าอาจติดขัดเรื่องขั้นตอนการสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องหลักฐานที่เกิดเหตุไม่ชัดเจน หลังศพถูกทิ้งในลำห้วย ขึ้นอืดถึงพบศพ แต่ได้มีการพยายามเต็มที่ ส่วนปมสาเหตุที่พ่อผู้ตายระบุ มุ่งไปที่บุคคลใกล้ชิดที่รู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตาย ยังไม่ทิ้งเรื่องการสอบสวนเพิ่มในบุคคลกลุ่มเป้าหมาย และมีบุคคลเป้าหมาย ที่เคยนำตัวมาสอบสวน จำนวน 6 ราย และมี 1 ราย คือ คนใกล้ชิดสุด เคยขออนุมัติศาลออกหมายจับมาแล้ว แต่หลักฐานไม่ชัดเจน ศาลจึงไม่อนุมัติ อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่หนักใจและพร้อมเร่งสืบสวน ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว ขอให้ผู้เสียหายมีความมั่นใจ.