จากกรณีที่มีผู้ที่ใช้ชื่อว่า New Mori ได้มีการเผยแพร่ภาพวงจรปิดใน youtube โดยระบุข้อความว่า #เตือนภัยผู้ใช้คอนโด ตี5ยามแอบไขกุญแจเข้ามาในห้อง จากการตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดใน The Address อโศก ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. โดนในคลิปปรากฎภาพชายแต่งกางลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บุกเข้าไปภายในห้องพักของผู้หญิงคนหนึ่งภายในคอนโดดังกล่าว แต่ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางนิติบุคคลของคอนโด แต่อย่างใด เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
มอบตัวแล้ว ยามคอนโด ย่องขึ้นห้องสาว หลังคลิปแชร์ว่อนเน็ต!!!
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ที่สน.มักกะสัน นายณัฐวุฒิหรือหนึ่ง ผ่องเมืองปัก ชาวจ.อ่างทอง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชุติพงษ์ ตะกรุดทอง พงส.ผนก.สน.มักกะสัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและความบริสุทธิ์ใจในกรณีที่น.ส.ธัญยธรณ์ จริยศักดิพงษ์ อายุ 27 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่านายณัฐวุฒิบุกรุกเข้าไปในห้องพักในยามวิกาล
สอบสวนนายณัฐวุฒิ ให้การอ้างว่า ตนทำงานเป็นรปภ.ที่คอนโดดังกล่าวมานานกว่า 7 เดือน ซึ่งก่อนเกิดเหตุในวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนคุยโทรศัพท์ยืมเงินเพื่อนชื่อนัด(ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้พักอาศัยอยู่ในอาคารดังกล่าว จากนั้นได้นัดแนะให้ไปรับเงินจำนวน 500 บาทภายในห้องพัก และบอกกับตนอีกว่าไม่ได้ล็อคประตูห้องไว้ เมื่อมาถึงให้เข้ามาได้เลยโดยตนไม่ทราบเลขที่ห้องพัก ทราบแต่เพียงว่าอยู่ชั้นที่ 42 ห้องแรกตรงหัวมุมทางเดิน เมื่อมาถึงหน้าห้องพักที่เกิดเหตุ ได้ก้มดูตรงช่องว่างใต้ประตูพบว่ามีแสงไฟ นึกว่าเป็นห้องของนายนัด จึงเปิดประตูห้องเข้าไป กลับพบหญิงสาวนอนอยู่ ก่อนผู้หญิงคนดังกล่าวจะร้องเสียงดัง ตนและหญิงสาวคนดังกล่าวต่างคนต่างตกใจวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งตนพยายามติดต่อนายนัดแต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งออกเวร หัวหน้ารปภ.ได้มาตามเพื่อพูดคุยเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่าเข้าไปในห้องจริงแต่ไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปประทุษร้ายต่อทรัพย์สินหรือบุคคลภายในห้องพัก และยอมรับว่าผิดระเบียบของบริษัทที่เข้าไปในห้องพักอาศัยโดยพลการ ซึ่งโดยปกติจะมีกฎระเบียบห้ามรปภ. เข้าไปในห้องผู้พักอาศัย
ด้าน พ.ต.ท.ชุติพงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับแจ้งความเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งน.ส. ธัญยธรณ์ ได้เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ โดยทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทางผู้เสียหายจดจำรูปพรรณของนายณัฐวุฒิได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาเนื่องจากยังให้การวกวน ประกอบกับคำให้การไม่ตรงกับภาพที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพไว้ได้ ทั้งนี้ต้องสอบปากคำน.ส. ธัญยธรณ์ โดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินการขอหมายจับศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว
ต่อมาเวลา 13.00 น.น.ส.ธัญธรณ์ เดินทางมาพร้อมพี่สาวเพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนเล่าเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุว่า ตนได้พักอาศัยอยู่ที่คอนโดมา 2 ปีแล้ว โดยตนอยู่กับพี่สาวแค่ 2 คน และจะมีน้องชายและญาติแวะมาพักด้วยเป็นบางครั้ง ก่อนเกิดเหตุตนกลับมาถึงคอนโดประมาณ 17.00 น.และเข้านอนประมาณ 02.00 น. ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ตนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้ยินเสียงพื้นไม้ลั่นเหมือนมีคนย่องเข้ามา จึงเปิดโคมไฟข้างเตียงเห็นประตูห้องนอนแง้มอยู่จึงรีบลุกไปปิด แต่ปรากฏว่าคนร้ายซ่อนตัวอยู่ข้างๆราวตากผ้าใกล้ประตู ตนตกใจและกรี๊ดออกมา แต่ว่าตอนนั้นมองไม่เห็นหน้าเพราะไฟสลัว เห็นแค่โลโก้ของยามอยู่ที่แขนเสื้อของคนร้าย จึงวิ่งกลับไปที่เตียงแล้วกระชากโคมไฟมาถือไว้ ก่อนวิ่งไปที่คนร้ายอยู่แต่คนร้ายหายไปแล้ว จึงออกมาร้องเรียกให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครออกมาช่วย ก็เลยตัดสินใจวิ่งลงมาที่ล็อบบี้ชั้นล่างพบเจ้าหน้าที่รปภ. ตนจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนที่รปภ.คนดังกล่าวได้วิทยุไปเรียกยามที่อยู่ตามป้อมทั้งด้านหน้าและหลังคอนโด ต่อมาก็นายณัฐวุฒิวิ่งมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ ซึ่งเขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเล่าไปเขาก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่ยามจะไปอยู่ในห้อง บอกว่าตนตาฝาด ยามทุกคนต้องอยู่ประจำที่ที่ป้อมยาม ซึ่งนายณัฐวุฒิพูดออกมาแบบไม่มีพิรุธอะไรเลย เสร็จแล้วจึงขอให้เจ้าหน้าที่รปภ.ประจำจุดล็อบบี้ขึ้นไปตรวจห้องให้หน่อย แต่ไปไม่ได้เพราะต้องอยู่ประจำล็อบบี้ จึงให้นายณัฐวุฒิขึ้นไปตรวจห้องด้วยกัน เพราะห่วงทรัพย์สิน
น.ส.ธัญธรณ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้ขอดูกล้องวงจรปิด แต่ยามที่ตามมาทีหลังบอกว่ากล้องเสียตั้งแต่ชั้น 40-44 แล้วบอกให้กลับไปดูวันรุ่งขึ้น ตนกลัวไฟล์ภาพโดนลบเลยวิ่งขึ้นไปห้องนิติบุคคลเจอหัวหน้ายามกับช่างกำลังเปิดกล้องวงจรปิดดูภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ตนจึงถามว่าใช่ยามที่ขึ้นไปกับตนหรือเปล่า หัวหน้ายามก็บอกว่าใช่ พอเอาไฟล์มาเปิดรีรันดูก็พบว่านายณัฐวุฒิ ให้การไม่ตรงกับที่บอกว่าเขาได้ยินเสียงตนกรี๊ดจึงเข้ามาดู แต่ความจริงคือนายณัฐวุฒิอยู่ในห้องก่อนแล้ว สำหรับนายณัฐวุฒินั้นตนรู้จักแค่ว่าเป็นคนที่คอยดูแลเรื่องที่จอดรถให้ ซึ่งรู้เลขห้องและชื่อญาติของตน โดยปกติแล้วจะมีกฎห้ามให้ยามขึ้นไปข้างบนตึก ตนได้ปรึกษากับนิติบุคคลเมื่อคืนแล้วก็ขอให้มีมาตรการป้องกันเพิ่มขึ้นสำหรับคนใน ให้คนที่อยู่ปลอดภัยมากที่สุด ตอนนี้ตนออกมาอยู่บ้านเพื่อนของพี่สาว แต่ในห้องไม่มีทรัพย์สินสูญหาย ตนคิดว่าเป็นไปได้ที่ยามจะรู้ความเคลื่อนไหวว่าตนอยู่คนเดียว
จากนั้นเมื่อน.ส.ธัญธรณ์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเสร็จแล้วจึงได้ขึ้นไปพบพ.ต.ท.ชุติพงษ์ ซึ่งกำลังสอบสวนนายณัฐวุฒิอยู่ ซึ่งเมื่อคู่กรณีพบกันนายณัฐวุฒิได้ยกมือไหว้ขอโทษน.ส.ธัญธรณ์ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายใดใดเลย เพียงแค่เข้าผิดห้องเท่านั้นเอง ซึ่งน.ส.ธัญธรณ์ได้หลบอยู่หลังพี่สาวตลอดเวลาเนื่องจากยังคงหวาดกลัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนเดินทางกลับไป ซึ่งจากนี้ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายณัฐวุฒิดำเนินคดีต่อไป