ความคืบหน้าในคดีเรียกค่าไถ่ชาวโรฮิงญา ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยกูราเมีย ได้จ่ายเงินให้กับนายอานัว เพื่อไถ่ตัวนายคาซิม หลานชายที่เดินทางมาจากยะไข่ ประเทศพม่า แล้วถูกกักตัวไว้ที่ป่าในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยได้จ่ายเงินครั้งแรกให้นายอานัว ไปแล้ว 95,000 บาท แต่นายอานัวเรียกเพิ่มอีก 120,000 บาท ทำให้นายกูราเมีย ไม่มีเงินจ่าย จึงได้เข้าแจ้งความนายอานัว คดีฉ้อโกง
ทั้งนี้จากการสอบสวนขยายผล ประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่านายอานัว ได้ฆ่านายคาซิม หลานชายของนายกูราเมีย สาเหตุเพราะโกรธแค้นที่นายกูราเมีย ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในคดีดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมตัวนายอานัว ได้เมื่อวันที่ 29 เม.ย.58 ที่ผ่านมา ก่อนมีการขยายผลไปจนถึงแคมป์จุดฝังศพจำนวนมากในอำเภอสะเดา จ.สงขลา นั้น
ชาวโรฮิงญา เปิดเผยความโหดเหี้ยมของแก๊งค้ามนุษย์!!!
(3 พ.ค.58) นายกูราเมีย ชาวโรฮิงญา ที่ทำงานอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้เสียหายที่แจ้งความเอาผิดนายอานัว และเป็นน้าชายของนายคาซิม ชาวโรฮิงญา เหยื่อ 1 ในหลายศพที่ถูกฆ่าแล้วถูกฝังอยู่ในแคมป์โรฮิงญากลางป่าในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รวมทั้งประจักษ์พยานชาวโรฮิงญาคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ขณะสังหารได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเป็นครั้งแรกถึงสาเหตุที่เหยื่อชาวโรฮิงญาถูกสังหาร
โดยนายกูราเมีย กล่าวผ่านล่ามว่า เมื่อหลายเดือนก่อนนายอานัว ได้ติดต่อมาว่าคุมตัวนายคาซิม หลานชายของตนเองไว้ และขอค่าไถ่เป็นเงินจำนวน 95,000 บาท หลังจากโอนเงินไปแล้วปรากฏว่ายังไม่ยอมปล่อยตัวหลายชาย และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย จนกระทั่ง 15 วันผ่านไปได้เรียกเงินเพิ่มอีก 120,000 บาท แต่ตนไม่มีเงินแล้ว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จนนายอานัว รู้ว่าถูกแจ้งความ จึงได้ฆ่านายคาซิมหลานชายของตน
ขณะที่ประจักษ์พยานอีกคน ที่เห็นเหตุการณ์นายอานัว และลูกน้องรุมฆ่านายคาซิม หลานของนายกูราเมีย ไม่ขอเปิดเผยชื่อได้เปิดเผยผ่านล่ามว่า ตนเองเดินมาจากยะไข่ โดยถูกหลอกว่าจะนำไปทำงานในมาเลเซียราว 6 เดือนก่อน หลังจากนั้นได้ถูกกักตัวอยู่ที่บริเวณแคมป์ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพบหลุมศพ และที่หลุดออกมาได้เพราะมารดาที่อยู่ในพม่ายอมขายที่ดินนำเงินโอนมาไถ่ตัว 6,000 พันริงกิตมาเลเซีย จึงออกมาได้
"ขณะที่อยู่ในแคมป์นั้นรู้ว่ามีการตายเกิดขึ้นมากกว่า 500 คน ที่อาศัยอยู่ในแคมป์ทุกแคมป์ตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย โดยแคมป์ที่เจ้าหน้าที่ค้นพบหลุมศพนั้น มีชาวโรฮิงญาราว 700-800 คนถูกคุมตัวอยู่ที่นั่น แต่หลังจากรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจค้น ชาวโรฮิงญาทั้งหมดได้หลบเข้าไปในแนวป่าฝั่งประเทศมาเลเซียห่างจากฝั่งไทยประมาณ 200-300 เมตร ซึ่งมีชาวโรฮิงญาอยู่อีกนับพันคนที่รอให้ญาติไถ่ตัวหรือซื้อขายแรงงานกัน" พยานระบุ
ประจักษ์พยานคนดังกล่าวยังกล่าวอีกว่า ช่วงที่อยู่ในแคมป์ มีคนถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปราณี โดยฆ่าด้วยการใช้ท่อนไม้ขนาดใหญ่ทุบตีจนตาย หรือใช้อาวุธปืนยิงประมาณ 17-20 ศพ แต่ไม่รู้ว่านำศพไปฝังที่ไหน ส่วนกรณีของนายคาซิม หลานของนายกูราเมีย นั้นถูกนายอานัว ตีจนตายแล้วสั่งให้ลูกน้อง 2 คน นำไปฝัง หลังจากนั้นนายอานัว ได้ลงจากเขา ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่มีเงินไถ่ตัวหรือไม่มีญาติจะถูกตีจนบาดเจ็บสาหัสและตายไปเองหรือป่วยตาย" พยานรายนี้กล่าว
"และในช่วงเดือนมกราคม 2558 ที่ผ่านมาขณะที่มีชาวโรฮิงญาถูกกักอยู่ที่นี่ มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งได้เข้าจับกุมแล้ว แต่หลังจากที่มีการเจรจากัน ปรากฏว่าทั้งหมดถูกปล่อยไป ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของแคมป์ดังกล่าวเป็นชาวไทย 2 ผัวเมีย ทราบชื่อเล่นว่า "บังฉี" และ "ฟารีดา" โดยเป็นผู้เข้ามาติดตามความเคลื่อนไหวตรวจสอบทั้งจำนวนคนและเป็นผู้รับยอดเงินที่ได้มาจากการไถ่ตัวกลุ่มชาวโรฮิงญาดังกล่าว" พยานที่ไม่เปิดเผยชื่อระบุในที่สุด
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีนายอานัว ผู้ต้องหารายนี้ทางตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ตั้งข้อกล่าวหาทั้งคดีฉ้อโกง คดีเรียกค่าไถ่ และจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ต่อไป พร้อมกับมีการประสานงานกับตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาเพื่อดำเนินการทางกฏหมายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไปด้วย