ทหารชั้นผู้ใหญ่ยังโดน!! ร้องปคบ.คดียูฟัน เผย มาถึงค่าย-สูญหลักแสน!

 ผู้เสียหายพร้อมข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ 3 ราย รวมเป็น 5 ราย เดินทางเข้าแจ้งความกับ พล.ต.ท.สุวิระ  ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อมพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รองผบก.ปคบ. หลังถูกผู้บริหารและผู้ถือหุ้นในบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ฉ้อโกง

 เปิดเผยว่า ตนเป็นนายทหารภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งในจ.อยุธยา ซึ่งเมื่อวันที่ 6กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มจากบริษัทยูฟันเข้ามาในค่ายซึ่งตนสังกัดอยู่ โดยเป็นวิทยากรบรรยายชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิก โดยผู้บังคับบัญชาของตน ซึ่งเป็นระดับพ.อ.พิเศษ ก็ร่วมลงทุนด้วย พวกตนจึงค่อนข้างไว้ใจ เนื่องจากเห็นว่าผู้บังคับบัญชายังสมัครเลย ตนจึงตัดสินใจสมัคร โดยเสียเงินค่าสมัคร ในราคา 105,000 บาท 

แต่เมื่อกลับบ้านมาเปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูล พบเว็บไซต์ ต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ตนจึงเขัาไปอ่านพบว่ามีการพูดถึงบริษัทดังกล่าว รวมทั้งวิธีการหลอกลวงเหมือนกับที่วิทยากรชักชวนพวกตนมาลงทุน จึงคิดว่าน่าจะถูกหลอก  ตนจึงพยายามทวงถามไปยังบริษัทบริษัท แต่กลับไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ประกอบกับเมื่อไม่นานมานี้ตนเห็นข่าวการจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้งริหารและผู้ถือหุ้นในบริษัทยูฟัน จึงตัดสินใจชวนเพื่อนมาแจ้งความ

"ผมยอมรับว่าที่สมัครนั้นเพราะคิดแค่ว่าลงเงินไป รอให้ราคาค่ายูโทเค่นเพิ่มก็จะได้กำไร อีกทั้งเห็นผู้ใหญ่ลงทุนด้วยคงไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้เชื่อว่ามีนายทหารอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่กล้ามาแจ้งความเพราะกลัวเสียหายและเสียชื่อเสียง"นายทหารกล่าว

 จึงมาลงทุนกับบริษัทยูฟันฯ ตั้งแต่พฤษภาคม พ.ศ.2557 จำนวน 210,000 บาท กระทั่งทราบว่าบริษัทยูฟันฯ มีลักษณะธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาตนพยายามขายยูโทเค่น แต่ขายไม่ได้ จากนั้นสอบถามเพื่อนชาวมาเลเชีย เพราะทราบว่าสำนักงานใหญ่บริษัทยูฟันฯ ตั้งอยู่ที่นั้น ทำให้ทราบว่าบริษัทยูฟันฯ ที่มาเลเซียถูกธนาคารแห่งชาติมาเลเชีย ประกาศเตือนประชาชนเมื่อ 1ปี ที่ผ่านมา ว่าหากใครลงทุนในบริษัทยูฟัน ทางธนาคารแห่งชาติมาเลเชีย จะไม่รับผิดชอบความเสียหาย เนื่องจากพบว่ามีการหลอกลวง ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยูฟันฯ ที่อ้างว่ามีการเปิดบริการกว่า 80 ประเทศ ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความ

 โดยระบุว่าบริษัทมีความน่าเชื่อถือมาก เนื่องจากมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับบัญชาลงทุนในบริษัทด้วยทำให้มีผู้เชื่อถือและเข้ามาสมัครจำนวนมากและจากแนวทางการสืบสวนทราบว่านายอาทิตย์ปานแก้วผู้บริหารในบริษัทยูฟันพร้อบเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น พบว่าแท้จริงแล้วชื่อจริง คือนาย จางเจี้ยน ชาวจีน และประกอบธุรกิจลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ 

และร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทที่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ กระทั่งถูกทางการมาเลเซียออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงเช่นกัน ก่อนจะหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เมื่อปี 2552 และมีภรรยาเป็นคนไทย พร้อมศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าตาและชื่อ เป็นนายอาทิตย์ ปานแก้ว ในที่สุด โดยขณะนี้ตนได้ประสานข้อมูลกับตำรวจมาเลเซียเพื่อตรวจสอบความแน่ชัด

ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อระบุว่าบุคคลทั้ง 3เป็นคนคนเดียวกันจริงๆ อย่างไรก็ตามปคบ.มีการเปิดศูนย์เฉพาะกิจรับร้องทุกข์เกี่ยวกับบบริษัทยูฟัน มีการเตรียมพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับการมาแจ้งความครั้งนี้ นอกจากนี้สามารถโทรแจ้งความเบื้องต้นมายัง สายด่วน1599 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของตร.ได้ 24 ชม. 

 โดยยืนยันว่าประชาชนควรเร่งมาแจ้งความไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นผู้ต้องหา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดูเจตนาเป็นหลัก หากไม่มีเจตนาในการฉ้อโกงเงินของผู้อื่น ก็ไม่มีทางโดนตั้งข้อหาแน่นอน เพียงแต่ถูกกันเป็นผู้เสียหายและพยานเท่านั้น ส่วนการติดตามผู้บริหารบริษัทยูฟัน หลบหนีอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ประสานกับทางการประเทศมาเลเซีย แล้ว และขึ้นอยู่ว่าทางการมาเลเซีย จะดำเนินการตามที่ร้องขอหรือไม่ เพราะไม่สามารถกดดันได้ แต่หากผู้บริษัทยูฟันต้องการเข้ามอบตัว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่มีความยินดี และจะอำนายความสะดวกเต็มที่