อดีตเจ้าอาวาสฝังศพเด็ก รับสารภาพมอบตัวแล้ว
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม อดีตเจ้าอาวาสฝังศพเด็ก รับสารภาพมอบตัวแล้ว
จากกรณีตำรวจภาค 5 ร่วมกับทหาร บุกตรวจสอบวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า อดีตเจ้าอาวาสของวัด ซึ่งถูกจับสึกไปเมื่อปีที่แล้ว ได้สร้างวัตถุมงคลโดยใช้วิชาไสยศาสตร์ นำซากศพเด็กมาผสมทำวัตถุมงคลและฝังศพไว้ใต้ฐานพระพรหมและศาลฤาษี จำนวน 4 ศพ ซึ่งหนึ่งในนั้นทราบชื่อคือด.ญ.วันเพ็ญ ขณะที่ชาวบ้านได้ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำการขุดฐานพระพรหม จนกว่าจะได้ตัวนายเฉลิม อดีตเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ซึ่งหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้มาชี้จุดและยืนยัน จึงจะยอมให้รื้อฐานพระพรหมได้ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 เม.ย. อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ เชียงใหม่ หรือนายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 แล้ว โดยนายเฉลิมเข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวน สภ.ดอยหล่อ ได้สอบปากคำนายเฉลิมจนรับสารภาพว่า ได้นำศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ไปฝังไว้ใต้ฐานพระพรหมจริง โดยใส่ในโลงแก้วไว้ใต้ฐาน ส่วนรอบๆ ฐานนั้น เป็นเศษกระดูกและซากศพตัวเล็กๆ จำไม่ได้ จำได้ศพเด็กหญิงวันเพ็ญ เพียงศพเดียว ที่มายืนกำกับและทำพิธีสะกดวิณญาณไปด้วย
สำหรับศพเด็กหญิงวันเพ็ญ นั้นได้รับศพเด็กมาจากชายไทย อายุประมาณ 40 ปี เศษ ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง เมื่อประมาณปี 2552-2553 เพื่อทำบุญให้กับเด็กทารกที่เสียชีวิตดังกล่าว โดยชายคนดังกล่าว ได้ขอมอบศพเด็กทารกและขอฝากศพเด็กไว้เป็นบุตรกับพระเฉลิมในขณะนั้น จากนั้นได้รับศพเด็กทารกดังกล่าวเก็บไว้ ในกุฏิตลอดมาจนถึงวันที่ 15 เม.ย. 57 พระเฉลิมในขณะนั้นทำพิธีบรรจุศพไว้ใต้ฐานองค์พระพรหม ในบริเวณวัด ซึ่งก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนทราบข่าวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางสื่อออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องของเด็กทารก ทำให้ไม่สบายใจ จึงได้เดินทางเข้าพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้าน ยืนยันที่กระทำลงไปนั้น ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับปากคำการนำตัวนายเฉลิมไปชี้จุด นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 ได้มีเจ้าหน้าทื่ตำรวจนอกเครื่องแบบ สวมเสื้อเกราะคอยอารักขานายเฉลิมตลอดเวลา เพราะกลัวนายเฉลิม จะถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ การชี้จุดนั้นเหตุการณ์ปกติชาวบ้าน รู้ตาสว่าง หลังจากที่เคยศรัทธามานาน ส่วนเรื่องขุดศพมานั้น ทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง และกำหนดวันขุดศพขึ้นมาชันสูตรต่อไป และก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหาซ่อนเร้น ทำพราง ปิดบัง ศพ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ได้สืบทราบว่ามา เหล่าบรรดาพระสงฆ์ ที่เล่นไสยเวทย์ ต่างๆ หรือเรียกว่า สายดำ นั้นจะซื้อศพมาจากสัปเหร่อในป่าช้า โดยสัปเหร่อพวกนี้จะได้ศพเด็กจาก รพ.ที่ติดต่อสัปเหร่อ เด็กทารกที่เสียชีวิตให้สัปเหร่อนำมาฌาปนกิจ จำนวนหลายๆ ครั้ง และสัปเหร่อ พวกนี้ก็จะอาศัยนำซากศพเด็กจำหน่ายให้กับพระสงฆ์ที่เล่นไสยเวทย์ ด้วยราคา 3-5 พันบาท หากเป็นศพเด็กทารกตัวเล็กจะยิ่งราคาแพงมาก ซึ่งตำรวจภาค 5 ได้ขยายผลเตรียมดำเนินการสัปเหร่อ บางคนที่นำศพเด็กทารก จากรพ.ที่ส่งมาให้ฌาปนกิจ แต่นำมาขายต่อไป
ส่วนที่มีชาวบ้านร้องเรียนมาว่ามี วัดเชียงขาง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นั้น มักจะนำซากศพเด็กทารกมาทำพิธีทำแปลง เผา และนำมาทำน้ำมันพราย และมวลสาร ทำวัตถุมงคลขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศนั้น จากการตรวจสอบของตำรวจภาค 5 ตามหนังสือร้องเรียน พบว่าเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวนั้นได้เลิกทำพิธีแล้ว เพราะอายุมากและแรงเสื่อมของศรัทธา ของนักท่องเที่ยวก็ลดลง สำหรับวัดแห่งนี้จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าอาวาส หันมาใช้ของปลอม พวกเรซิน แทนของจริง น้ำมันพราย ก็ใช้น้ำมันหมูมาเจียวใส่ขวดเล็ก หลอกขายให้กับนักท่องเที่ยว จนนักท่องเที่ยวจับได้ ซึ่งเมื่อก่อนเคยมีนักท่องเที่ยวมาซื้อวัตถุมงคลจำนวนมากจากวัดแห่งนี้ แต่ปัจจุบันหมดความเชื่อถือไปแล้ว