31 มี.ค.58 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะ โฆษก ตร.
พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ แถลงจับกุม นายเสกสรรณ์ นุราช อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 ซ.ศรีบูรพา 17 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.พร้อมของกลาง หนังสือมอบอำนาจ และเอกสารปลอมที่ทำขึ้นทั้งฉบับ รวมรายชื่อลูกค้าจำนวนทั้งสิ้น 122 ฉบับ จับกุมได้ที่บริเวณปั้ม ปตท.เอ็นจีวี สาขาบางใหญ่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
พ.ต.อ.อรรถพร กล่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนหลายรายว่า
มีมิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ของสถาบันการเงินต่างๆ เข้าไปทำการทวงหนี้ หากเหยื่อหลงเชื่อก็จะทำการยึดรถ จากนั้นก็จะนำรถไปขายโดยไม่ได้นำรถส่งคืนไฟแนนซ์แต่อย่างใด นอกจากนี้ บางครั้งยังมีการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และมอบรถให้ หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายเตรียมจะก่อเหตุทำการยึดรถ โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ของ ราชธานี ลิซซิ่ง จำกัด (มหาชน)
พ.ต.อ.อรรถพร กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 30 มี.ค.เจ้าหน้าที่พบนายเสกสรรณ์
เข้ามาแสดงตนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไฟแนนซ์ของ ราชธานี ลิสซิ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ขอดูเอกสาร ผู้ต้องหาได้นำเอกสารซึ่งมีตราของบริษัทมาแสดงให้เห็นว่า ตัวเองเป็นตัวแทนและได้รับมอบอำนาจจากบริษัท แต่เมื่อให้เจ้าหน้าที่ตัวจริงของบริษัท ราชธานี ลิสซิ่ง มาดู ก็ยืนยันว่านายเสกสรรณ์ไม่ใช่ตัวแทนของบริษัท และเอกสารที่นายเสกสรรณ์นำมาแสดงทั้งหมดนั้นก็เป็นของปลอม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมตรวจยึดหนังสือมอบอำนาจและเอกสารปลอมที่ทำขึ้นทั้งฉบับ รวมรายชื่อลูกค้าทั้งสิ้น 122 ฉบับ
สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวจะได้ข้อมูลลูกค้าจากบริษัทไฟแนนซ์ว่าลูกค้า รายใดที่มีหนี้เสีย
โดยมีเจ้าหน้าที่บางคนเล็ดรอดนำข้อมูลมาให้ จากนั้นก็จะให้ทีมยึดรถไปทำการยึดรถตามบัญชีรายชื่อที่ได้มา เมื่อได้รถมาก็จะนำไปขายตามชายแดนด้าน อ.แม่สอด อีกที และจากการขยายผลพบว่าในกลุ่มดังกล่าวนี้มี นายยุทธพันธ์ ดำประสงค์ภูธร หรือนายบุญเลิศ หรือหนึ่ง นาคพันธ์ เป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งมักอ้างตัวเป็นตำรวจยศผู้กอง และมักเรียกตัวเองว่าผู้กองหนึ่ง มีประวัติถูกจับหลายครั้ง และมีหมายจับคดีลักทรัพย์และฉ้อโกง รวม 5 หมาย และยังมีนายภิรมย์ หรืออรรถ จันทร์โอ เป็นผู้ร่วมขบวนการอีกคน ซึ่งทั้งสองคนอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี
จากการสอบสวน นายเสกสรรณ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเพิ่งทำได้ 2 ครั้ง ก่อนรับงานจะมีคนนำข้อมูลลูกค้ามาให้ตนอีกที
หลังจากรับงานมาตนก็จะทำหน้าที่ตามลูกค้าและเจรจาจนได้รถมา ตนก็จะส่งรถให้คนที่จ้างต่ออีกที แต่มาทราบภายหลังว่ารถไม่ได้ถูกส่งไปที่บริษัทไฟแนนซ์ โดยตนได้ค่าจ้างครั้งละ 1 - 2 หมื่นบาท สาเหตุที่ทำเนื่องจากรายจ่ายไม่พอใช้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป