วันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช และ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ภายหลังมีใบปลิวโปรยเกลื่อน จ.นครศรีธรรมราช นัดชุมนุมประท้วงเผาโรงพักนครศรีธรรมราช เหตุไม่พอใจการทำหน้าที่ตำรวจว่า
ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาที่บริเวณถนนราชดำเนิน หน้า สภ.เมืองนครศรีธรรมราชและบริเวณลานจอดรถหน้า สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
มีการนำกรวยยางมาตั้งขวางห้ามรถบุคคลภายนอกเข้ามาภายในบริเวณ สภ.เมือง มีเพียงรถบรรทุก 6 ล้อ ขังผู้ต้องหา 6 คัน มาจอดรอเตรียมพร้อมไว้และมีการนำรถดับเพลิงของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มาจอดรอเตรียมพร้อมหน้าโรงพัก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช 3 คัน
ขณะเดียวกันได้มีการระดมตำรวจชุดปราบจลาจลจากโรงพัก สภ.ต่างๆทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช
และกำลังทหารปราบจลาจลกองทัพภาคที่ 4 รวมกว่า 200 นาย มาเตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง และมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายต่างๆทั่วเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หลายจุดเช่นบนถนนกระโรม บริเวณสี่แยกเบญจมะ,สี่แยกคูขวาง,สี่แยกหัวถนนและถนนสายต่างๆอีกหลายจุด มีการตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า จนเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปว่าเหตุการณ์อะไรขึ้นในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช
พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เผยว่า จากกรณีที่กลุ่มบุคคลบางกลุ่มได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก
เชิญชวนนัดหมายให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า หน้าที่ตำรวจจราจรที่เข้มงวดกวดขันจับกุมตามพ.ร.บ.จราจรมากเกินไปไม่ว่าจะ เป็นการดักจับหมวกกันน็อค หรือล็อคล้อรถ จับใบขับขี่จนชาวบ้านทั่วไปเดือดร้อนนั้น
นัด หมายประท้วงพร้อมกันเวลา 30 มี.ค.เห็นว่าเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกันมากกว่าของกลุ่มคนบางกลุ่มกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญบุคคลดังกล่าวที่โพสต์ข้อความดังกล่าวมาปรับความ เข้าใจกันแล้วและพวกเขาก็เข้าใจดีและตนก็แนะนำกลุ่มบุคคลที่ไม่เข้าใจในการ ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจก็ไปยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรง ธรรมของ ผวจ.นครศรีธรรมราช ศาลากลางจังหวัดได้เลย เป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า
ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเราก็อาจจะมีความบกพร่องบ้างเราก็ยอมรับและจะได้แก้ไขต่อไป
แต่ขอยืนยันว่าการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจเราไม่ว่าการจับหมวกกันน็อค หรือจับกุมรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หรือข้อหาอื่นๆก็ทำเพื่อพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชทั้งสิ้น เพราะเหตุเกี่ยวกับวิ่งราวทรัพย์ทรัพย์ในพื้นที่เกิดขึ้นมาก และผลจากการกวดขันของตำรวจก็ทำให้คดีลดลง
รวมทั้งการกวาดล้างยาเสพติดในชุมชนต้นหว้าก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมากพร้อมยาเสพติดทำให้เหตุการณ์ในพื้นที่สงบลงมากทีเดียว ในส่วนของชาวบ้านที่บริสุทธิ์อาจจะกระทบบ้าง อันนี้ตำรวจเราก็ต้องโทษด้วยและจะปรับปรุงแก้ไขแนวทางการปฏิบัติใหม่ต่อไป