ชายหมีขาวคลั่งทุบหัวหนุ่มดับคาวัด
เมื่อเวลา01.30น.วันที่9มี.ค.ร.ต.ท.ไพโรจน์ สุวรรณมณี พนักงานสอบสวน สน.บางรัก รับแจ้งมีผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิต ภายในวัดมหาพฤฒารามวรวิหาร แขวงมหาพฤฒารามเขตบางรัก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถภายในวัดพบศพ นายประจักษ์ สุทธิเขตรกัณท์ อายุ 27 ปี ชาว อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด โดยที่บริเวณหลังกกหูด้านขวาพบบาดแผลฉกรรจ์คล้ายถูกตีด้วยของแข็งจนเห็นเนื้อสมองทะลักออกมา ใกล้กันยังพบรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ฟ้า ทะเบียน ปพ 1427 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพมีร่องรอยถูกทุบที่กระจกประตูด้านข้างแตกทั้ง 2 บาน ส่วนที่ท้ายกระบะพบท่อนเหล็กประมาณ 3 ท่อน ที่คาดว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ในการสังหารผู้ตาย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบว่าชาวบ้านได้ช่วยกันจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ เป็นชายชาวต่างชาติ ทราบชื่อ นาย ZHILIN NIKOLAI อายุ 30 ปี สัญชาติรัสเซีย อยู่ในอาการมึนงง ถามตอบไม่รู้เรื่องคล้ายคนสติไม่ดี
จากการสอบสวน น.ส.ลินดา สิงหาราช อายุ 29 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ตนมีหน้าที่ดูแลลานจอดรถของวัด ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนได้เดินไปปิดประตูทางเข้าวัดตามปกติ จากนั้นจึงกลับไปพักที่ป้อมยามของวัด ระหว่างนั้นก็ได้เสียงกระจกแตกที่ลานจอดรถ เมื่อเดินออกไปดูพบ นาย NIKOLAI กำลังใช้เหล็กฟาดกระจกรถที่จอดอยู่บริเวณในวัด จึงได้เข้าไปห้าม แต่ นาย NIKOLAI กลับใช้แท่งเหล็กยาวประมาณ 1 เมตร วิ่งไล่ตีใส่ตนอย่างบ้าคลั่งจนได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ตนจึงร้องขอความช่วยเหลือ กระทั่ง นายประจักษ์ แฟนหนุ่มได้ยินเสียง จึงวิ่งเข้ามาช่วยห้ามปราม พร้อมกับบอกให้ตนไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ซึ่ง นาย NIKOLAI ได้ใช้เหล็กตีใส่แฟนหนุ่มของตนจนล้มลง แล้วตามมาตีซ้ำที่ศีรษะอีกหลายครั้ง แต่ นาย NIKOLAI ยังคงไม่หยุดคลั่ง นำท่อนเหล็กขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 2 เมตร กว้าง 3 นิ้ว ที่วางอยู่ท้ายรถกระบะกระหน่ำตีจนแฟนของตนจนเสียชีวิตคาที่ แล้วจึงปีนรั้วของวัดหลบหนี ทั้งนี้ได้มีชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้ ส่วนสาเหตุที่ตนและแฟนถูกทำร้ายก็ไม่ทราบว่ามาจากเรื่องใด เพราะไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหาอะไรกับ นาย NIKOLAI มาก่อน อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นาย NIKOLAI ไปดำเนินคดี ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และจะต้องมีการนำตัวไปตรวจหาสารเสพติด และตรวจสอบว่ามีอาการทางประสาทด้วยหรือไม่