เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มีนาคม พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5
พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรีสัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พ.อ.โอม สิทธิสาร รอง ผบ.มทบ.33 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายชาญวิทย์ตรัยสถิต อายุ 25 ปี นายศักดิ์สิทธิ์ เงียบจังหรีด อายุ 29 ปี นายชัชวาลย์จามชาติ อายุ 23 ปี นายวสันต์ เขตดอนอายุ 30 ปี และ นายณัฐพัฒน์ ดีด้วยชาติอายุ 29 ปี พร้อมของกลางชุดเครื่องแบบทหารบก ติดยศร้อยโท 1 ชุด ร้อยตรี 4 ชุดและสิบตรี 1 ชุด อาวุธปืนพกสั้น ขนาด9 มม. ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 มม. 22 นัด บัตรประจำตัวข้าราชการทหารราบ 7 ใบ สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย 2 เล่ม ธนาคารกรุงไทย 1 เล่ม คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง วิทยุสื่อสารยี่ห้อไอค่อม 1 เครื่อง และเอกสารใบรับรองแพทย์ของบุคคลต่างๆ 60 ใบ
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งหมดถูกจับกุมได้ที่ห้องพักหมายเลข 203 โรงแรมเมไออินน์ ถ.ท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายจำนวนหนึ่งว่าถูก นายชาญวิทย์ และ นายศักดิ์สิทธิ์ หลอกลวง โดยอ้างว่าสามารถนำบุคคลเข้ารับราชการทหารได้โดยติดยศได้ตั้งแต่ยศสิบตรีถึงร้อยตรี โดยไม่ต้องสอบ แต่ต้องเสียดำเนินการจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายชาญวิทย์อ้างว่า รู้จักนายทหารคนหนึ่งชื่อ พ.ท.เอนก ไม่ทราบนามสกุล
รับราชการอยู่ที่ จ.นครราชสีมา สามารถนำบุคคลเข้ารับราชการทหารโดยติดยศสิบตรีและร้อยตรีได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ชั้นยศสิบตรี 70,000 บาท และร้อยตรี 100,000 บาท จากนั้นจึงร่วมกับนายศักดิ์สิทธิ์ แต่งตัวเป็นทหารยศร้อยโทออกตระเวนชักชวนประชาชนโดยเฉพาะคนที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ หรือหากชักชวนผู้อื่นมาได้ก็ให้ไปบวกเงินเพิ่มกันเอาเอง ซึ่งมีประชาชนหลงเชื่อประมาณ 70 คน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความสมจริง ยังมีการนำผู้ที่มาสมัครไปเข้ารับการฝึกที่ค่ายลูกเสือมังกรทอง จ.นครราชสีมา เป็นเวลา 2 เดือน โดยหลังจากฝึกเสร็จแล้วก็นัดหมายให้มาทำการประดับยศที่ จ.เชียงใหม่ แต่ก็มีการแจ้งเลื่อนกำหนดการมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกแจ้งความดำเนินคดีและจับกุมดังกล่าว
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์กล่าวว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้จะถูกแยกดำเนินคดีเป็น 2 กลุ่ม
โดยกลุ่มแรก คือ นายชาญวิทย์ และ นายศักดิ์สิทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้ อนุญาต ส่วนที่เหลือพบว่า เป็นเหยื่อที่ถูกหลอกลวงมาเช่นกัน แต่ก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาแต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์
“คดีนี้เกิดขึ้นในหลายท้องที่ในภาคอีสาน พฤติกรรมของผู้ต้องหาจะเข้าไปตีสนิทหลอกเหยื่อที่เรียนจบใหม่ๆ ที่อยากเป็นทหาร พร้อมกับเรียกเงินโดยอ้างเป็นค่าวิ่งเต้น ไม่ต้องสอบ จึงมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ดูจากใบตรวจโรคที่ยึดได้น่าจะมีผู้เสียหายมากกว่า 70 ราย จึงขอให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกมาดูตัวผู้ต้องหาได้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อไป” พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ กล่าว
ด้าน น.ส.ปัทมา ลาดเลียง อายุ 24 ปี ชาว จ.มหาสารคาม
ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า รู้จักกับนายชาญวิทย์ จากการแนะนำของเพื่อนแบบปากต่อปาก โดยผู้ต้องหาจะแต่งตัวทหารยศร้อยโทนัดไปพบที่ร้านอาหารในตัวเมือง จ.มหาสารคาม และพูดจาหว่านล้อมชักชวนเข้ามารับราชการทหาร โดยไม่ต้องสอบ เพียงแต่ไปอบรมที่ค่ายลูกเสือเสร็จแล้วก็จะมีการติดยศให้โดยทำพิธีกันที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งหลังจากฝึกแล้วก็มีการแจ้งเลื่อนเวลาการทำพิธีติดยศหลายครั้ง จึงเอะใจเข้าแจ้งตำรวจ สภ.เชียงใหม่ และพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกมาเข้าแจ้งความอีกหลายคนเช่นกัน
ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาแต่งกายเลียนแบบทหาร
เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหาแจ้งว่าจ่ายเงินแล้วจะพาไปฝึกที่ค่ายทหาร พอไปถึงกลับเป็นค่ายลูกเสือ แต่เมื่อเสียเงินไปแล้ว และผู้ต้องหาก็ใส่เครื่องแบบทหาร มีอาวุธปืนและวิทยุสื่อสาร น่าเชื่อถือ จึงได้ยอมฝึกอบรมจนครบร่วมกับคนอื่นๆ อีกประมาณ 70 คน แต่บางคนเริ่มรู้ทันก็ตัดสินใจออกจากค่ายไปก่อน ส่วนที่เหลือก็อดทนฝึกต่อจนครบหลักสูตร และมีการนัดให้เดินทางมารอที่โรงแรมใน จ.เชียงใหม่ โดยเตรียมชุดทหารพร้อมยศไว้ให้ใส่ และอ้างว่า กำลังประสานกับผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่ให้เป็นผู้ประดับยศ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมดังกล่าว