กรมศุลกากรเปิดงานขายทอดตลาดรถยนต์ของกลาง
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ กรมศุลกากร คลองเตย ดร.สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
"ขายทอดตลาดรถยนต์ของกลางประมูลด้วยวาจา" โดยงานดังกล่าวมีรถยนต์เปิดทำการประมูลทั้งสิ้น 232 คัน ประกอบด้วยรถยนต์หรูยี่ห้อต่างๆ อาทิ เบนท์ลีย์ พอร์ช เฟอรารี่ เบนซ์ บีเอ็มดับบลิว ออดี้ ฯลฯ ท่ามกลางความสนใจจากประชาชนที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ด้าน นายจำเริญ โพธิยอด รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การจัดงานขายทอดตลาดรถยนต์ของกลางในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบปีงบประมาณ 2558 ซึ่งปีนี้ทางกรมศุลกากรได้มอบหมายให้บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการขายทอดตลาดด้วยวิธีการประมูลทางวาจาเหมือนเช่นที่ผ่านมา ไฮไลท์ของงานอยู่ที่รถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Continental GT ปี 2012 สีดำ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ทำการเปิดประมูลเป็นคันแรก และเป็นรถยนต์ที่มีราคาการเปิดประมูลสูงสุดของงานนี้ ด้วยราคาประมูลเริ่มต้นที่ 9.99 ล้านบาท ก่อนที่จะปิดทำการประมูลลงที่ราคา 13.1ล้านบาท นอกจากนี้ในส่วนของรถยนต์ที่เปิดประมูลด้วยราคาต่ำสุด เป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่น Hiace และรุ่น Ke 70 เปิดประมูลที่ราคา 2 หมื่นบาท ทั้งนี้คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้น่าจะสามารถทำรายได้เข้ารัฐได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ขณะที่ปีที่ผ่านมากรมศุลกากรได้จัดการประมูลรถยนต์ของกลางไปทั้งสิ้น 2 ครั้ง จัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้มากถึง 907 ล้านบาท
ขณะที่ ดร.สมชัย กล่าวว่า ทั้งนี้จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจมาเลเซีย
ในการหยุดยั้งขบวนการลักลอบนำรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย กรมศุลกากรสามารถขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้ารถยนต์ดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีรถยนต์ในข่ายต้องส่งคืนประเทศมาเลเซียทั้งสิ้น จำนวน 126 คัน จึงได้หารือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเห็นควรส่งคืนรถยนต์ของกลางในคดีถึงที่สุดแล้ว และจัดทำเอกสารถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบปฎิบัติการ จำนวน 7 คัน คืนให้กับผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย โดยมีเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยเป็นผู้รับมอบส่วนกรณีรถหรูที่หายไปจากคลังทัณฑ์บนของกรมศุลกากรนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด พบว่ามีรถยนต์ที่หายไปประมาณเกือบ 200-300 คัน จึงเตรียมวางมาตรการแก้ไขปัญหารถยนต์หายระหว่างการขนย้ายจากท่าเรือไปยังคลังสินค้าทัณฑ์บน ด้วยการติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดี (Radio-frequency Identification) เพื่อใช้ติดตามการขนย้ายรถยนต์จากต้นทางไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งภายในเดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้ทางกรมศุลกากรจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.