ผัวตายมีพิรุธประกัน14ล้านจัดฉากโดนรถชน

"มีพิรุธ จัดฉาก โกงประกัน 14 ล้าน"



จ่อจับ "ผช.พยาบาล" ฆ่าผัวหวังเงินประกันร่วม 14 ล้าน ตร.ตามแกะรอยปีกว่าพบพิรุธอื้อ แฉปมแค้นแอบมีเมียน้อย เคยลอบวางยาแต่หมอล้างท้องทัน

สุดท้ายปลอมลายเซ็นยื่นกรมธรรม์อุบัติเหตุ 16 ฉบับ

ก่อนวานคนสนิทซิ่งปิกอัพชนผัวตายแค่เดือนเดียว เล็งออกหมายจับคดีฆ่าเอาผิดเพิ่ม

การวางแผนฆาตกรรมอำพรางหวังเงินสินไหมทดแทน

ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รายล่าสุดเปิดเผยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม เมื่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้เตรียมนำสำนวนการสอบสวนคดีที่บริษัทประกันชีวิตหลายแห่งรวมตัวกันเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ช่วยพยาบาลสาวคนหนึ่ง ประจำคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นครนายก

โดยกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าพัวพันกับคดีฆาตกรรมอำพราง

อดีตสามีของตัวเอง และทำเอกสารอันเป็นเท็จต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้รับผลประโยชน์จากกรมธรรม์ของสามี 16 ฉบับ รวมมูลค่าทุนประกันเกือบ 14 ล้านบาท

เสนอต่อ พ.ต.อ.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ ผบก.ป.

เพื่อให้ตรวจสอบพยานหลักฐานในสำนวนอีกครั้ง ก่อนที่จะไปขออนุมัติออกหมายจับต่อศาลตามข้อกล่าวหาที่มีหลักฐานชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

สำหรับคดีฆาตกรรมอำพรางรายนี้

เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2549 โดยตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ หรือ เอไอเอ ร่วมกับบริษัทประกันชีวิตอีกกว่า 10 บริษัท



ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

กรณีการเสียชีวิตของ นายอัยการศึก มหาวรรณกิจ อายุ 30 ปี ลูกค้าที่ได้ทำกรรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกับบริษัทต่างๆ กว่า 16 ฉบับ เนื่องจากเชื่อว่าอดีตภรรยาของนายอัยการศึก ซึ่งเป็นผู้ได้รับสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ทั้งหมดนั้น น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสามี

ตัวแทนบริษัทประกันให้ข้อมูลว่า

กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุได้ทำไว้ก่อนที่นายอัยการศึก จะเสียชีวิตเพียงไม่กี่เดือน โดยในช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 ขณะที่นายอัยการศึกขี่รถจักรยานยนต์ได้ถูกรถกระบะพุ่งชนอย่างจังและลากไถลไปกับพื้นถนนเป็นระยะทางไกลถึง 12 เมตร

จนเสียชีวิตคาที่บนถนนสายหมู่ 3 ต.วังกระโจม อ.เมือง จ.นครนายก

ต่อมาอดีตภรรยาได้ติดต่อขอรับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน แต่ทางบริษัทประกันได้ตรวจสอบหลักฐานจนพบพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องลายมือชื่อของนายอัยการศึกในกรมธรรม์บางฉบับ และข้อพิรุธในตัวภรรยาที่แสดงพฤติกรรมน่าสงสัย

นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยในเรื่องสภาพศพของนายอัยการศึก

ซึ่งไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าน่าจะเตรียมการวางแผนมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่ออำพรางข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่รับแจ้งอุบัติเหตุ แพทย์ผู้ชันสูตร และเจ้าหน้าที่บริษัทประกัน ให้หลงเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจริงๆ

หลังรับเรื่องร้องทุกข์จากบริษัทประกัน

พนักงานสอบสวนได้เริ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่ได้รับ โดยได้นำลายมือชื่อของนายอัยการศึก ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารการขอทำประกันส่งไปให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ จนพบว่ากรมธรรม์ทั้ง 16 ฉบับที่ทำไว้ มีลายมือชื่อที่แท้จริงของนายอัยการศึก เพียง 2 ฉบับเท่านั้น

อีกทั้งการตรวจสอบยังพบว่า ในช่วงก่อนเกิดอุบัติเหตุนั้น

อดีตภรรยาได้ทำประกันชีวิตให้กับนายอัยการศึกติดๆ กันเป็นจำนวนมากจนผิดสังเกต ทั้งที่นายอัยการศึกไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่งพอที่จะเสียค่าเบี้ยประกันชีวิตทั้งหมดได้ รวมทั้งภายหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุแล้วอดีตภรรยากลับไม่ติดใจเอาความคู่กรณี และไม่ขอรับเงินชดใช้ค่าเสียหายใดๆ จากนั้นได้รีบนำศพสามีไปบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจอย่างเร่งด่วน



ส่วนเรื่องสภาพศพของนายอัยการศึกนั้น

ในเบื้องต้นพบว่าสภาพศพมีความผิดปกติโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่มีลักษณะเขียวคล้ำ ไม่เหมือนคนเพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยบาดแผลที่ไม่สอดคล้องกับร่องรอยที่เกิดจากรถกระบะที่พุ่งเข้าชน ทำให้เชื่อว่ามีการจัดฉากขึ้นเพื่ออำพรางให้เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ

โดยประเด็นนี้พนักงานสอบสวนได้ติดตามรถกระบะคันดังกล่าว

ซึ่งได้ขายต่อให้กับบุคคลอื่นไปหลังจากเกิดเหตุไม่ถึงเดือนมาตรวจสอบอีกครั้ง จนทราบว่าคู่กรณีที่ขับรถกระบะชนนายอัยการศึกนั้น บังเอิญเคยรู้จักกับอดีตภรรยาของนายอัยการศึกมาก่อน จึงมีข้อพิรุธหลายอย่าง พนักงานสอบสวนจึงได้ประสานผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุเกี่ยวกับการจราจรมาจำลองเหตุการณ์ขึ้นอีกครั้ง

เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอุบัติเหตุตามที่ได้กล่าวอ้างหรือไม่

ซึ่งได้ผลการตรวจสอบออกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อรูปคดี

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบประวัติภูมิหลัง

ของสองสามีภรรยาคู่นี้ เพื่อหามูลเหตุจูงใจในเรื่องนี้ด้วยว่า เคยมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงมาก่อนหรือไม่ และจากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุทั้งสองมีปัญหาภายในครอบครัวอย่างรุนแรงถึงขั้นต้องแยกกันอยู่ เนื่องจากฝ่ายชายถูกภรรยาจับได้ว่าแอบไปมีภรรยาน้อย



จึงยื่นเงื่อนไขว่าจะเลิกกับภรรยาน้อยแล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน

หรือจะแยกทางกันไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งฝ่ายชายเลือกที่จะอยู่กับภรรยาใหม่ แต่ตกลงกันได้เรื่องไปรับส่งลูกสาวไปกลับโรงเรียน

แต่เมื่อพนักงานสอบสวนตรวจสอบประวัติการรักษาพยาบาล

ของนายอัยการศึกย้อนหลังกลับไปก็พบว่า ก่อนหน้าที่ทั้งสองจะแยกทางกันได้มีเรื่องทะเลาะกันเรื่องภรรยาน้อยเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ระหว่างนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งฝ่ายชายเกิดอาเจียนอย่างหนักจนต้องเข้ารับการล้างท้องที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขต อ.เมือง จ.นครนายก

โดยก่อนหน้านั้นฝ่ายชายได้ไปกินข้าวผัดกะเพรากุ้ง

ที่บ้านอดีตภรรยามาไม่นาน ซึ่งแพทย์เชื่อว่าคนไข้ถูกสารพิษแต่ยังไม่ทราบว่าเป็นชนิดใด แต่เมื่ออดีตภรรยาทราบเรื่องได้รีบมาที่โรงพยาบาล และขอรับตัวฝ่ายชายกลับโดยบอกแพทย์ว่า ไม่ประสงค์ที่จะให้ตรวจหาสารจากห้องปฏิบัติการว่าป่วยจากสาเหตุใด

จากนั้นได้พาฝ่ายชายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอีกแห่ง

แต่กลับบอกแพทย์ว่าเกิดอาเจียนเพราะหกล้มศีรษะกระแทกพื้น แพทย์จึงทำการรักษาแต่ไม่พบว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนแต่อย่างใดจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคดีนี้พนักงานสอบสวน

ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเป็นเวลากว่าปีเศษ จนเชื่อว่าอดีตภรรยาคนนี้น่าจะกระทำผิดในข้อหาพยายามฉ้อโกง, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ส่วนในความผิดเกี่ยวกับการพยายามฆ่า และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมีการอำพรางคดีนั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาและตรวจสอบพยานหลักฐานที่รวบรวมมาได้อีกครั้งว่าจะเข้าข่ายความผิดด้วยหรือไม่ โดยจะนำสำนวนการสอบสวนทั้งหมดเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์