ตำรวจกรุงเก่าออกหมายจับ 7 โจ๋เถื่อนพาพวกยิงถล่มอริกลางเมือง ผู้การฯชี้ พฤติการณ์ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง หากเข้าจับกุมมีการยิงต่อสู้ จำต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด
กรณีกลุ่มวัยรุ่น 11 คนพกพาอาวุธปืนหลายขนาดเข้าไปรุมทำร้ายร่างกาย และใช้อาวุธปืนยิงนายจตุพล พันธ์จันทร์ อายุ 26 ปี
ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในร้านอาหารคอฟฟี่เฮ้าส์ ริมถนนนเรศวร ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าจำนวนหลายสิบนัด โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนตกกระจายเกลื่อน 59 ปลอก ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนทราบกลุ่มคนร้ายเป็นวัยรุ่นในพื้นที่เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ซึ่งผู้บาดเจ็บเคยมีเรื่องทะเลสะวิวาทกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พ.ต.อ. เอกราช อุ่นเจริญ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุมัติหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ 7 คน ประกอบด้วย นายสนธยา หรือต้อม หัวโตวงษ์เอี่ยม อายุ 27 ปี หัวหน้าแก๊ง , นายภูเบศ กนกนาค อายุ 27 ปี ,นายคุณากร กนกนาค อายุ 23 ปี , นายชัยพร กนกนาค อายุ 20 ปี , นายมงคล แย้มเกษสุคนธ์ อายุ 21 ปี , นายธนวัฒน์ กุลเทพบัณฑิตย์ อายุ 19 ปี และนายกิติชัย พรหมาด อายุ 22 ปี ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน
พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า
กลุ่มผู้บาดเจ็บเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อนแล้ว จนมาพบกันที่ร้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง จึงได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันแล้วมีการใช้อาวุธปืนยิ่งถล่มจนมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ส่วนอีกรายเป็นแขกที่เข้ามารับประทานอาหารถูกลูกหลงไปด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการก่อเหตุที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองใช้อาวุธปืนมากกว่า 4 ชนิดออกมาก่อเหตุยิงถล่มอีกฝ่าย ทั้งนี้หลังก่อเหตุเสร็จทั้งหมดได้หลบหนีออกจากบ้านไปพร้อมอาวุธปืน ดังนั้นถ้าตำรวจได้เบาะแสก็จะเข้าจับกุมทันที หากมีการขัดขืนต่อสู้เจ้าหน้าที่ก็จำต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด.