เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
เปิดเผยว่า ได้มอบหมายจับนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ 10 รายให้กับรัฐบาลพม่า เพื่อขอให้ติดตามจับกุมตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ประกอบด้วย 1.นายชัยวัฒน์ พรสกุลไพศาล หรือ พ.ท.ยี่เซ 2.นายประยุทธ หรือเมธี หงษาคำ 3.นางฟอง ปทุมณี 4.นายสุดเขตร์ หรือสมศักดิ์ ศักดิ์ปัญจขันธ์ 5.นายไพรัช แดนชุติมาพาณิช หรือแซ่หลี่ หรือประชา บัวเทศ 6.นายจายมูล ท้าวมูลละ 7.นายยงศิลป์ แซ่ม้า 8.นางสุชาดา ทวยภา 9.น.ส.สำเภา แดนชุติมาพาณิช และ 10.นายวีระ หมื่นจะดา
“ในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักค้าที่เชื่อมโยงกับกลุ่มว้า มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน แต่การติดตามจับกุมเป็นไปได้ยาก เพราะส่วนใหญ่หลบหนีไปอยู่กับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ดังนั้นการประสานความร่วมมือจึงเป็นวิธีหนึ่งที่เชื่อว่าจะทำให้ได้ตัวกลับมาดำเนินคดีได้” เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าว
นอกจากนี้ ป.ป.ส.ยังเปิดเผยหมายจับนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่ยังหลบหนีหมายจับอยู่ในประเทศรวม 14 ราย
มีมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้กว่า 222 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.นายอุสมาน หรือมัง สะแลแมง 2.นายรอดี หรือดี ยะโกะ 3.นายบุญเจริญ ระจา 4.นายสุรพล ประทุมตะ 5.นายจะเดาะ แอแส 6.นางสุภาพร คำศรีระภาพ 7.นายเล่าหลู่ แซ่เจ๋า หรือนายบุญรัตน์ จิรเมธีวัฒนกุล หรือเสมี 8.นายอรรถพล พญาวงษ์ 9.นายเด่น หรือใจ๋ พรมมาลี 10.น.ส.ไรดา จาโก 11.นายมูฮำหมัดนูรี หะยีบากา 12.นายฐปนันทน์ ธรรมรัตน์ธาดา 13.นายสุธรรม คุณดอย และ 14.นายทวีป เกียรติทอง
สำหรับนักค้ายาเสพติดที่ ป.ป.ส.เปิดเผยออกมาทั้ง 2 ชุดล้วนเป็นรายสำคัญ โดยเฉพาะนายอุสมาน ซึ่งมีพื้นเพอยู่ใน จ.นราธิวาส มีเครือข่ายยาเสพติดเชื่อมโยงระหว่างภาคเหนือ-ภาคใต้ และมาเลเซีย ปัจจุบันคาดว่ากบดานอยู่ในลาว โดยนำเงินรายได้จากการค้ายาเสพติดไปสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วน พ.ท.ยี่เซ อดีตเป็นทหารของขุนส่า ราชายาเสพติดชื่อก้องโลก
มีพื้นที่อิทธิพลและแหล่งผลิตยาเสพติดที่บ้านน้ำปุ๋งใหม่ บ้านสามปี ฝั่งพม่า ตรงข้าม ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ขณะที่นายประยุทธ หรือเมธี หงษาคำ ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างผู้ผลิตกับนักค้ายาในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2546 ถูกจับกุมตัวได้แล้ว แต่สุดท้ายก็หลบหนีไปได้
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า
หลังรัฐบาลประกาศทำสงครามยาเสพติดทำให้การลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน มาใช้เส้นทางเขตชายแดนภาคอีสานเข้าสู่ภาคกลาง โดยอาศัยช่วงปีใหม่ลำเลียงยาเสพติด ซึ่งตนได้ประสานตำรวจ และทหารกองกำลังสุรนารี ให้ตั้งด่านตรวจบริเวณแนวชายแดนเพิ่มขึ้นกว่า 30 จุด และตามข้อมูลพบว่ากลุ่มผู้ค้าเตรียมซุกซ่อนยาเสพติดมากับรถร่วมโดยสารขาล่องเข้าภาคกลาง โดยอาศัยความมีน้ำใจของคนไทย จึงขอเตือนผู้โดยสารว่าไม่ควรรับฝากสิ่งของจากคนแปลกหน้าเป็นอันขาด