อาชีวะดราม่ากบดานปินส์ ปูดคสช.ไล่ล่า-ทิ้งเพื่อนหนีหัวซุน

อาชีวะดราม่ากบดานปินส์ ปูดคสช.ไล่ล่า-ทิ้งเพื่อนหนีหัวซุน

18 ธ.ค. 57 นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาหลบหนีคดี ตาม ป.อาญา มาตรา 112

โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "เอกภพ เหลือรา" เปิดเผยชีวิตหลังหนีหัวซุกหัวซุนออกจากประเทศไทย และหลบหนีเข้าไปกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นมีข่าวลือออกมาเป็นระลอกว่า ตั้ง อาชีวะ ระหกระเหินหลบหนีไปกบดานอยู่ อเมริกาบ้าง แคนาดาบ้าง อังกฤษบ้าง จนล่าสุดมีข่าวออกมาว่า ตั้ง อาชีวะ ได้วีซ่าขออยู่อาศัยถาวรของประเทศนิวซีแลนด์

ตั้ง อาชีวะ เผยว่า แหล่งกบดานต่างๆ ที่ตกเป็นข่าวนั้น เป็นเพียงการสับขาหลอกเพื่อไม่ให้คนรู้ที่อยู่จริงๆ

เนื่องจากปัจจุบันต้องหนีตายจากการตามล่าจากรัฐบาลไทยและฝ่ายเดียวกัน และล่าสุดได้หลบหนีออกจากกัมพูชา โดยการแอบขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรือสีหนุวิวล์ เพราะ คสช.จับลูกเมียของเพื่อนชาวกัมพูชาเป็นตัวประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนตัวกับตน

ในช่วงท้าย ตั้ง อาชีวะ อ้างว่า ได้กบดานอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยจะเริ่มตั้งหลักกับแฟนสาวใหม่อีกครั้ง

ข้อความระบุดังนี้

*****ในเนื้อหาอาจจะมีการเหน็บหรือกัดคนอื่น แจงก่อนเลยน่ะครับ ผมไม่ใช่ประเภทไม่ชอบใครเกลียดใครแล้วฝืนยิ้มเข้าใส่ เอากันตรงๆเลยดีกว่า ไม่เสแสร้งดีครับ****

พี่ๆ น้องหลายๆ ท่านตอนแรกอาจจะเข้าใจว่าตัวผมนั้นอยู่ อเมริกา อยู่แคนาดา อยู่อังกฤษ ผมต้องโกหกทุกท่านเพื่อความอยู่รอดของตัวผมกับแฟน แม้แต่ฝ่ายเดียวกัน ผมก็ต้องโกหกแหลกราน เพื่อทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้คนอื่นๆ เขารู้ข้อมูลจริงๆ ของเรา (สับขาหลอกนั่นแหละ) ผมเข้าใจเลยครับการหนีตายมันเป็นอย่างไร แรงกดดันทุกๆ ด้านมันเป็นอย่างไร

ผมถูกตีกรอบ (โดยผู้ใหญ่บางคน) ถูกให้อยู่แบบฟังคำสั่ง แต่ผมดื้อพอที่จะดิ้นออกมาเพื่อหาอนาคต (คิดในใจกูอยู่กับมึงมันมองไม่เห็นอนาคต)  ผมหนีตายจากการจะถูกอุ้มในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในประเทศกัมพูชา โดยมีสายลับจากไทยและคนของการทูตไทยมาไฟเขียวให้ แถมรัฐบาลไทย (คสช.) ก็เอาลูกเมียเพื่อนผมคนเขมรเอาไปมัดจำ เพื่อเอาตัวผมไปแลกกลับมา ผมต้องรีบหอบข้าวของหนี สติแตก แต่สิ่งแรกที่ผมจะต้องทิ้งไม่ได้คือเมียผมเธอร้องไห้เธอกลัว ผมก็ตอบไปว่า อย่ากลัว ตั้ง ก็เหี้ยพอตัว โจรเห็นโจรมันทำอะไรเราไม่ได้หรอก แต่สุดท้ายผมกับเมียก็รอด เพราะเล่ห์เหลี่ยมความเจ้าเล่ห์ของผม (ความตอแหลโกหกปลิ้นปล้อนนั่นแหละ) การอยู่ในกัมพูชาของผมนั้นถือว่าเสี่ยงมาก เพราะต้องระวังพวกรัฐบาลไทยและพวกฝ่ายเดียวกัน (ไอพิษณุพรหมสร หรือไอแอนตี้ มันบอกว่าจะมีผู้ใหญ่บางคนมายิงหัวผม)

แม้กระทั่ง อ.หวาน หรือสุดารังกุพวย ก็บอกว่า น้องอันตรายน่ะพี่ได้ข่าว แต่ตอนนั้นผมไม่ฟังใครทั้งสิ้น (อ.หวานก็มโนมั่วแถมประเมินผมต่ำอีกตอนนั้นผมไม่ฟังใครแล้ว) เพราะไม่ไว้ใจพวกเดียวกันด้วย (ผมรู้อะไรบางอย่างอิอิ) ผมกับแฟนเลยกลับไปที่ท่าเรือสีหนุวิลล์ (กัมพูชา) ผมแอบขึ้นเรือสินค้าไปโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง ลุ้นเหมือนกันน่ะครับว่ามันจะไปเทียบท่าที่ไหน (แหลมฉบังก็ซวยไป) สุดท้ายเรือลำนี้ไปลงที่ประเทศฟิลิปปินส์

ผมกับแฟนจึงรีบวิ่งตรงไปหน่วยงานรัฐของที่นั่นทันที เพราะประเทศนี้ผมศึกษาไว้ข้างต้นแล้วว่า เขาลงนามการคุ้มครองผู้ยื่นขอลี้ภัยไว้ด้วยอนุสัญญาเจนีวา 1951 หรือ การส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับประเทศจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายสากล ผมกับแฟนเริ่มตั้งหลักกันใหม่โดยคราวนี้เราต้อง............................โปรดติดตามตอนต่อไปComming soon>>>>>

แล้วช่วงนี้ทำไมผมชอบโพส กัดๆ พวกผู้ใหญ่บางคน ถ้าอ่านโพสนี้จบหวังว่าทุกท่านคงเข้าใจน่ะครับ (ภาพเป็นเรือสินค้าที่มาเทียบท่าที่ท่าเรือสีหนุวิวล์ประเทศกัมพูชา ขณะกำลังหาทางแอบขึ้นเรือไป ในช่วงที่อยู่บนเรือผมกับแฟนหนีหลบอยู่ในเรือชูชีพกันสองคน เพราะกลัวกัปตันและลูกเรือเขาจะรู้ หากรู้อาจจะมีอันตรายอีก ผมไม่แนะนำให้ลี้ภัยวิธีแบบนี้น่ะคุณอาจช็อกตายได้ 5555)


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์