10 ธ.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน
ได้ควบคุมนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธ.ค.57 ในความผิดตามป.อาญามาตรา 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และพล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส. บช.น.เป็นผู้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาให้รับทราบข้อกล่าวหา
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า การจับกุมนางสุดาทิพย์ในเนื่องจากมีการแอบอ้างสถาบัน มีความผิดตาม ม.112
โดยผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับกุมตัวไปแล้วเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาพร้อมกับ พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล อดีต ผกก.ตม.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นสามี ในข้อหาร่วมกันปลูกสร้างอาคารฝายล่วงล้ำในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ม.117,183 แต่ได้รับการประกันตัวออกไป ส่วน พ.ต.อ.โกวิทจะโดน ด้วยหรือไม่ ต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปและหากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีก ก็จะออกหมายจับเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายปรีชา ดาราไตร อายุ 45 ปี นำเข้าและขายรถมือสอง นายไพเชษฐ์ เมธีสริยพงศ์ อายุ 45 ปี เจ้าของอู่รถเมล์สาย 8 และนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี นักธุรกิจด้านพลังงานลมมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ยังไม่ติดต่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีรายงานแจ้งว่า ได้มีบุคคลไปร้องเรียนที่ สน.สามเสนว่า นางสุดาทิพย์ได้แอบอ้างสถาบันเพื่อมาประมูลทำธุรกิจในวัง
โดยการขายน้ำพริกประเภทต่างๆ ผักต้ม เครื่องเสวย โดยมีรายได้เดือนละ 3-4 แสนบาท ครัวข้าราชบริพาร มีรายได้ประมาณเดือนละ 6-8 แสนบาท และธุรกิจคาเฟ่ เดอ สุวรรณภูมิ มีรายได้เดือนละ 2-3 ล้านบาท คาดว่าผู้ต้องหามีความเกี่ยวโยงกับเครือข่ายอัครพงศ์ปรีชาที่เคยถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การจับกุมน.ส.สุดาทิพย์ในครั้งนี้ พ.ต.อ.โกวิทได้เดินทางมาที่ บช.น.ด้วย
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนหาหลักฐานเพื่อหาความเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจากนี้พนักงานสอบสวน สน.สามเสน จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ สน.สามเสน ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ในวันที่ 12 ธ.ค. ต่อไป