ประมวลข่าวคดีพงศ์พัฒน์-ยึดที่ดิน400ล้าน"พงศ์พัฒน์" 104แปลง รอบกทม.-นอมินีถือแทน
ยึดที่ดิน400ล้าน"บิ๊กกิ๊ก" 104แปลง รอบกทม.-นอมินีถือแทน
ปปง.ให้30วันแจงสิทธิ ชี้เชี่ยวชาญ"ฟอกเงิน" แฉเข้าบช.เดือนละ1ล. เชื่อยังมีอีกสั่งขยายผล
จับเพิ่มอีก 1 เครือข่าย"พงศ์พัฒน์" ปปง.อายัดที่ดิน"บิ๊กกิ๊ก-นอมินี"104 รายการ ชี้ได้มาหลังรับตำแหน่ง"ผบช.ก."
ประมวลข่าวคดีพงศ์พัฒน์-ยึดที่ดิน400ล้านพงศ์พัฒน์ 104แปลง
ความคืบหน้าคดีนายณัฐพล สุวะดี พร้อมพวกแอบอ้างเบื้องสูง อุ้มนายวิทยา ปัญญาทวีกูล ผู้เสียหายไปข่มขู่ทวงหนี้ 37 ล้านบาท
ท้องที่ สน.พระโขนง มีผู้ต้องหาหลบหนีคือนายปรีชา ดาราไตร อายุ 45 ปีผู้จ้างวานและนายไพเชษฐ์ เมธีสริยพงศ์ อายุ 45 ปีผู้ติดต่อและเจ้าของบ้านที่นำนายวิทยาไปกักขัง และคดีนายณัฐพล พร้อมพวก แอบอ้างเบื้องสูง ขู่นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ให้ลดหนี้จาก 120 ล้านบาทเหลือ 20 ล้านบาท เหตุเกิดพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร โดยมีนายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือเสี่ยนิค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด อายุ 43 ปี เป็นผู้จ้างวานและยังหลบหนีนั้น
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) กล่าวว่า
หลังจากพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง และ สน.วัดพระยาไกร ส่งสำนวนคดีกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงข่มขู่ทวงหนี้ และบังคับให้ผู้เสียหายลดหนี้ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ให้คณะพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตรวจสอบสำนวนคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ ตร.พิจารณา ก่อนนำส่งอัยการพิจารณาความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ต่อไป
"สำนวนทั้ง 2 คดีพนักงานสอบสวนทำอย่างรอบคอบและรัดกุม หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถนำไปรวมในสำนวนได้ รวมทั้งหากจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีหรือเข้ามอบตัวตำรวจ พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำผู้ต้องหา จากนั้นก็นำไปรวมในสำนวนเพิ่มเติม" พล.ต.ต.ชวลิตกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.)
กล่าวถึงการติดตามจับกุมตัว นายปรีชา นายไพเชษฐ์ และนายนพพร ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไม่ประสานเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ส่วนนายนพพร จากสืบสวนทราบเดินทางหลบหนีออกจากประเทศกัมพูชาแล้ว นายปรีชา และนายไพเชษฐ์ คาดว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศ ชุดสืบสวนกำลังเร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า
ขณะนี้ส่งสำนวนคดีในส่วนของ สน.พระโขนง และ สน.วัดพระยาไกร ให้กับทางพนักงานสอบสวน ตร.แล้ว ในส่วนของ สน.คันนายาว ซึ่งเป็นเรื่องอาวุธปืน ของนายชากานต์ ภาคภูมิ นั้น จะส่งภายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้อยากให้นายนพพร เข้ามอบตัวกับตำรวจ เพื่อให้ปากคำโดยเร็วที่สุด สำหรับจำนวนมูลหนี้ที่แท้จริงระหว่างนายนพพร กับ นายบัณฑิต นั้น ถือว่าเป็นคดีทางแพ่ง ซึ่งแยกกันคนละส่วนกับคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้หากพบว่ามีผู้อื่นเข้ามาเชื่อมโยง เกี่ยวข้อง หรือมีประเด็นใดเพิ่มเติม จะขยายผลและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ น.ท.ปริญญา รักวาทิน หรือเสธ.เจี๊ยบ อายุ 52 ปี กรรมการบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด เกี่ยวกับเงิน 25 ล้านบาท
ตามที่นายนพพร จ่ายให้เป็นค่าดำเนินการนั้น น.ท.ปริญญาให้การว่าไม่เป็นความจริง เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินประนีประนอมที่นายนพพรจ่ายให้นายบัณฑิต คู่กรณี โดยรับรู้เป็นพยาน ร่วมกับตัวแทนของนายบัณฑิต ไปรับเงินสดจำนวนดังกล่าวที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่บริษัท วินด์ จากเลขานุการของนายนพพร ส่วนกรณีนายบัณฑิต เรียกเงินนายนพพร 120 ล้านบาท นายปริญญา ระบุว่า ยังไม่ทราบหลักฐานที่มาแน่ชัดว่า นายนพพร ติดหนี้จำนวนเท่าไรเนื่องจากไม่ทราบรายละเอียดจำนวนเงิน รวมทั้งไม่ได้รับค่าจ้าง
ทั้งนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จะเดินทางไปสอบสวน พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) ผู้ต้องหาตามความผิด มาตรา 112,157 และ 149 เพิ่มเติมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายในสัปดาห์นี้ในบางประเด็น
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวบุคคลอีก 1 รายจากย่านฝั่งธนบุรี ที่เชื่อว่าเป็นเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก โดยรายละเอียดต่างๆ จะเปิดเผยความชัดเจนในวันที่ 10 ธันวาคม ต่อไป
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.
แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม โดยพิจารณาการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และพวก ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ จากการแต่งตั้ง เรียกรับประโยชน์จากการค้าน้ำมันเถื่อน เปิดบ่อนการพนันและฟอกเงิน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาหลักฐานข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วเห็นว่าการกระทำของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการพนัน อันเป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน จึงมีมติให้เจ้าหน้าที่ ปปง.ตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า ทรัพย์สินที่มีมติอายัดชุดแรกตามที่พนักงานสอบสวนส่งมอบให้ คือโฉนดที่ดิน 136 รายการ
ในจำนวนนี้คณะกรรมการธุรกรรมพบว่ามี 32 รายการ ที่ได้มาก่อนที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จะเข้ารับตำแหน่ง ผบช.ก.เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ดังนั้น จึงอายัดโฉนดที่ดินไว้เพียง 104 รายการ ที่ได้หลังรับตำแหน่ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
"ทั้งนี้ โฉนดดังกล่าวมีชื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นผู้ครอบครองเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ถือครองโดยนอมินีที่เป็นเครือญาติ รวมถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เบื้องต้นได้สอบถามบางรายที่มีชื่อครอบครองก็ยอมรับถือแทน ตามขั้นตอนจะเปิดโอกาสให้แสดงหลักฐานชี้แจงที่มาของทรัพย์ภายใน 30 วัน โดย ปปง.มีอำนาจอายัดทรัพย์ไว้ตรวจสอบได้ภายใน 90 วัน" พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
เลขาธิการ ปปง. กล่าวอีกว่า โฉนดที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชานเมือง เช่น สมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี พื้นที่นนทบุรีมีมากที่สุด ในวันที่ 10 ธันวาคม จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่มีชื่อครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้เข้าชี้แจงที่มาทรัพย์สินตามขั้นตอนต่อไปส่วนผู้ต้องหาที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินเจ้าหน้าที่ ปปง.จำเป็นต้องเข้าไปสอบถามในเรือนจำ
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวอีกว่า นอกจากโฉนดที่ดินแล้ว หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะทยอยส่งทรัพย์สินอื่นให้พิจารณา
เนื่องจากยังมีทรัพย์สินอื่น ที่ได้จากการตรวจค้น เช่น รถยนต์ วัตถุโบราณ รวมกว่า 20,000 ชิ้น ขณะเดียวกัน ปปง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบติดตามเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งเครือข่าย เบื้องต้นยังไม่ระบุถึงจำนวนเงินหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ เพราะการตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ แต่คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน ส่วนการถ่ายโอนไปต่างประเทศในส่วน ปปง.ยังตรวจสอบข้อมูลหากพบจึงจะประสานไปยังต่างประเทศได้
"ยอมรับว่าการพบธุรกรรมผ่านสถาบันการเงินอาจมีจำนวนไม่มากเพราะกลุ่มผู้ต้องหาถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องการฟอกเงินเคยจับกุมผู้กระทำผิด ดังนั้น จึงมีทรัพย์สินมากกว่าบัญชีและเงินสด หรือในกรณีเข้าไปพัวพันกับการค้าน้ำมันเถื่อนมักเป็นธุรกรรมเงินสดไม่ผ่านบัญชี" พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวอีกว่า ปปง.ถูกสังคมสงสัยเกี่ยวกับการตรวจสอบหาเงินสด ตามขั้นตอนเนื่องจาก ปปง.ไม่ได้ร่วมทีมกับชุดตรวจค้นของทหารและตำรวจ ดังนั้นทรัพย์สินที่ ปปง.อายัดจึงต้องรับมาจากตำรวจอีกทอดหนึ่ง แต่ ปปง.ก็มีหน้าที่ติดตามเส้นทางการเงินอื่นเพื่อนำมาวิเคราะห์หาความเชื่อมโยงว่ามีเงินเข้าและออกไปอยู่ในบัญชีใครบ้างจำนวนเท่าไหร่
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวด้วยว่าในส่วนของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เบื้องต้นพบมีเงินเข้าบัญชีหลักล้านบาทต่อเดือน
ส่วนการขนเงินออกนอกประเทศไปบ้างหรือไม่ หากเป็นการลักลอบขนออกไปเช่น ขนออกทางเรือ ก็เป็นเรื่องที่ตรวจสอบพบยาก ตอนนี้ได้ประสานไปยังธนาคารทุกแห่งเพื่อขอทราบการเปิดบัญชี บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องใช้เวลาสักระยะ