ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตมือปืนส่ายก้นตามศาลชั้นต้น

ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตมือปืนส่ายก้นตามศาลชั้นต้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีกรณีนายยศพล แหกล้า อายุ 35 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 22/2 ม.6 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงนางสาวเกวลิน หงษ์ทอง แฟนสาว และนางวิมล หงษ์ทอง ว่าที่แม่ยาย เสียชีวิตที่ร้านประดับยนต์พีเอสโมดิฟายด์ ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้อย่างชัดเจนว่าหลังก่อเหตุนายยศพลได้เดินส่ายก้นแสดงอาการเย้ยหยันและสะใจจนกลายเป็นข่าวครึกโครมในขณะนั้น

โดยเมื่อวันที่27 มกราคม 2557 ศาลจังหวัดชลบุรี ได้อ่านคำพิพากษาชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่อ.5801/56
 
โดยมีพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีร่วมกับนายณรงค์ หงษ์ทอง บิดาของนางสาวเกวลินเป็นโจทย์ร่วมฟ้อง ฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่ใช่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์โดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควร,ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยศาลใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาเพียง 30นาที ตัดสินโทษนายยศพลกรณีอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน
 
ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่นายยศพลภาคเสธว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะนั้นศาลสืบพยานหลักฐานเห็นว่าไม่มีมูล แต่นายยศพลกระทำไปด้วยเจตนาและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนขณะก่อเหตุ ประกอบกับทำการหลบหนีจนต้องออกหมายจับ และกระทำการเย้ยหยันกฎหมายไม่มีความสะทกสะท้านในความผิดด้วยการเดินเต้นส่ายก้นหลังก่อเหตุ ตัดสินให้มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว และในวันนี้ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลัง อ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นคือตัดสินประหารชีวิต

โดยหลังจากที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาเสร็จ ทางผู้สื่อข่าวได้เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ ร้านประดับยนต์ พีเอสโมดิฟาย โดยมีนายสิระพงษ์ กำแพง ผู้จัดการร้าน ได้เล่าเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ พร้อมอยากให้ทั้ง2ครอบครัวอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน

ทางนายนพคุณ แหกล้า วัย72ปีและนางปรานนท์ แหกล้า โดยทั้ง2นั้นได้อยู่กันตามลำพัง พร้อมทั้งเปิดปากว่าเป็นห่วงลูกและไม่รู้ว่าวันนี้ศาลอุธรณ์ได้ติดสิน พร้อมทั้งฝากบอกลูกชายว่าทำตัวดีๆอย่าดื้อ จะรอวันที่ลูกออกมา

"ผมก็อดเป็นห่วงลูกไม่ได้ ปกติลูกผมชาวบ้านในละแวกนี้รักทุกคน ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่สาเหตุที่ทำในครั้งนั้นก็มาจากความกดดันมาตลอด ผมก็เตือนสติให้ลูกใจเย็นๆ ภายในครอบครัวมีอะไรก็ให้พูดคุยกัน แต่สุดท้ายเค้าก็ทำ ก็คิดว่าแล้วแต่เวรกรรมไป" นายนพคุณกล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์