ระดับนายพล 10 นาย พ.ต.อ.-พ.ต.ต. อีกว่า 50 นาย ดิ้นพล่านวิ่งเคลียร์พ้นบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อน "เสี่ยโจ้-นักการเมืองใต้" ขณะที่น้ำมันยังคงทะลักรายวัน
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีข่าวเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อนภาคใต้
เกิดขึ้นจากการจับกุมขบวนการของพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบช.ก. และพวกปรากฏว่าในพื้นที่ของจ.สงขลา สตูลและนราธิวาส ซึ่งเป็นเส้นทางขนน้ำมันเถื่อนทางบก และทางทะเล พบว่าที่ชายแดนจังโหลน และด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลายังมีการนำน้ำมันเถื่อนจากฝั่งประเทศมาเลเซียเข้ามาตามปกติ โดยด่านศุลกากรอนุญาตให้รถยนต์ที่มีถังน้ำมันดัดแปลงเข้าไปขนน้ำมันเถื่อนได้ตั้งแต่เวลา 05.00-09.00 น.ของทุกวัน ซึ่งในแต่ละวันจะมีรถยนต์หลายร้อยคันที่วิ่งเข้าไปบรรทุกน้ำมันมาถ่ายลงถังในฝั่งไทยเพื่อขายให้กับผู้ต้องการซื้อน้ำมันเถื่อนไปส่งยังต่างจังหวัด เช่นเดียวกับที่ด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล และที่อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ที่กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ยังคงขนน้ำมันจากประเทศมาลเซียส่งให้กับปั้มน้ำมันโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทขนส่งซึ่งเป็นลูกค้าประจำ ในขณะที่ 2 ข้างถนนในพื้นที่ยังมีการตั้งจุดขายน้ำมันเถื่อนทั้งดีเซล และเบนซินโดยบรรจุใส่แกลลอน และขวด นับร้อยๆ แห่ง ส่วนการค้าน้ำมันทางทะเลที่ จ.สงขลา บรรดาโรงงานอุตสาหกรรมและบริษัทขนส่งระบุว่ายังมีผู้ค้าน้ำมันดีเซลที่มากับเรือประมงเสนอขายให้กับโรงงานต่างๆในราคาลิตรละ 26 บาท โดยสามารถสั่งซื้อได้ครั้ง 4,000-12,000 ลิตร
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าที่ปั๊มน้ำมันเถื่อนขนาด 4 หัวจ่ายในเขตเทศบาลนครสงขลา
มีการรับน้ำมันเถื่อนจากพ่อค้าที่ปาดังเบซาร์ มาส่งให้วันละ 3,000 ลิตร โดยทางปั๊มได้กำไรลิตรละ 8-10 บาท แต่ต้องจ่ายให้เจ้าหน้าที่ 5-6 หน่วยงาน เป็นรายเดือนหน่วยละ 3,000-5,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดการจับกุมขบวนการส่วยน้ำมันเถื่อนทำให้นายประยุทธ มณีโชต ผอ.ศุลกากรภูมิภาคที่ 4 มีคำสั่งให้ด่านศุลกากรทุกแห่งในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เข้มงวดกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนทั้งทางบกและทางทะเล เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.มนตรี โปรตระยานนท์ ผบช.ภ.9 ที่มีคำสั่งด่วน ให้ผบก.ทั้ง 4 จังหวัด คือ สงขลา สตูล พัทลุง และตรัง จับกุมผู้ค้าน้ำมันเถื่อนเป็นการเร่งด่วน
ขณะที่พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกต ผบช.ศชต. เปิดเผยว่า
การปราบปรามผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ศชต.ได้ร่วมมือกับกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จับกุมมาโดยตลอด ทั้งในจ.ปัตตานีและนราธิวาส เพราะเป็นภัยแทรกซ้อนที่กลุ่มผู้ค้าส่งเงินสนับสนุนให้มีการก่อการร้าย และขณะนี้ได้สั่งให้มีการตรวจสอบขบวนการค้าน้ำมันของ "เสี่ยโจ้" ในจังหวัดปัตตานี ซึ่งพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ส่วนการขายน้ำมันเถื่อนของประชาชนนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ทำการเข้มงวดเพราะถือว่าเป็นการหาเช้ากินค่ำและเป็นวิถีชีวิตของคนที่อยู่ในเมืองชายแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากเกิดเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อนขึ้น ทำให้ตำรวจ และศุลกากรรวมทั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับส่วยน้ำมันเถื่อน
ทั้งของเสี่ยโจ้ ที่ จ.ปัตตานี ของนักการเมือง ที่ จ.สงขลา และของนายทุนอิทธิพลที่นราธิวาส และของนักการเมืองท้องถิ่นที่ จ. สตูล ซึ่งมีจำนวนมาก โดยเฉพาะตำรวจที่มีจำนวนนับ 100 ราย ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในชุดปนม. ทั้งของบกภ.จว. ของ บชภ.9 ศชต. และตำรวจน้ำ ได้ติดมีการตรวจสอบข่าวว่ามีชื่อของตนพัวพันสวยครั้งนี้หรือไม่โดยเฉพาะกลุ่มที่รับเงินจากเสี่ยโจ้ เป็นกลุ่มที่เดือดร้อนมากมีการเช็คข่าวและวิ่งหาผู้หลักผู้ใหญ่ให้ช่วยเหลือโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับนายพลกว่า 10 นาย และระดับ พ.ต.อ.-พ.ต.ต. อีกกว่า 50 นาย