หมายเหตุ : เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้เปิดแถลงข่าวคดีจับ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) พร้อมพวกซึ่งรายละเอียด “ข้อหา” โดยสรุป มีดังนี้.....
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. กับพวก ประพฤติตนไม่เหมาะสม แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหลายประการ จึงได้สืบสวนทางลับพบว่ามีมูล ดังนั้นในวันที่ 11 พ.ย. 2557 จึงได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์(รอง ผบช.ก.) มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และวันที่ 14 พ.ย. 2557 ได้ออกคำสั่งให้ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ(ผบก.ป.) และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์(ผกก.1 ป.) มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิม
เมื่อทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพอมีมูลเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง และได้ทำการตรวจค้นสถานที่ที่สืบสวนแล้ว พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และเครือข่าย จำนวน 15 แห่ง ตรวจยึดทรัพย์สินที่สามารถประเมินราคาได้มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท
ต่อมาวันที่ 22 พ.ย. 2557 พนักงานสอบสวนได้ยื่นขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ กับพวก รวม 10 คน ดังนี้
1.พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์
2.พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์
ฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112”
“เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง หรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148”
“เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149”
“เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157”
“จัดให้เล่นการพนัน(ถั่วครอบ) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12(1) และความผิดฐาน “ฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(5) (9) มาตรา 5(1) (2) และมาตรา 60”
3.พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน
ฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112”
“เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149”
“เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157” และความผิดฐาน “ฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(5) (9) มาตรา 5(1) (2) และมาตรา 60”
4.พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์
ฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148”
“เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149”
“เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157”
5.พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล
ฐาน “ร่วมกัน บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 55, 72 ตรี และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117”
6.ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา
7.ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง
ฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148”
“เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149”
“เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157”
8.นางสวงค์ มุ่งเที่ยง
9.นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช
ฐาน “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 47”
10.นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล
ฐาน “ร่วมกัน บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันปลูกสร้างฝาย ล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117”
ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-8 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบตัว เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 20.00 น.เศษ จากการควบคุมของทหารภายใต้กฎอัยการศึก
จากนั้นวันที่ 23 พฤศจิกายน ศาลได้อนุมัติหมายจับ นายชอบ และนางปิยพรรณ ชินนะประภา และจับกุมตัวได้ในวันเดียวกัน ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช ได้ถูกจับกุมตัวได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย และนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ได้เข้ามอบตัว โดย พ.ต.อ.โกวิท และนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวันที่ 24 พฤศจิกายน
SCOOP@NAEWNA.COM