ออกหมายจับ2ฝรั่งส่งพัสดุชิ้นส่วนมนุษย์ เชื่อมีเอี่ยวกับการขโมยของออกจากศิริราช
ได้เดินทางมาพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช ที่ตึกอดุลยเดชวิกรม ชั้น 2 เพื่อเก็บพยานวัตถุหลักฐาน ภาพจากกล้องซีซีทีวีและลายนิ้วมือ ภายหลังที่ทางศิริราชได้แจ้งความว่าชิ้นส่วนมนุษย์หายไปจากพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช ขณะที่การรักษาความปลอดภัยดำเนินไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะให้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์แลกบัตรประจำตัวทุกครั้ง หากเป็นคนไทยต้องแลกบัตรประชาชน ส่วนชาวต่างชาติต้องลงชื่อเข้าชม ทั้งนี้ที่โรงพยาบาลศิริราชมีพิพิธภัณฑ์ใหญ่ๆ 2 แห่ง คือพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช ซึ่งจะมีการจัดแสดงในภาควิชาต่างๆ และพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน เปิดให้บริการวันจันทร์ และพุธ-อาทิตย์ เวลา 10.00 น.-17.00น. หยุดวันอังคารและวันนักขัตฤกษ์ โดยมีค่าเข้าชมแห่งเดียวสำหรับคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปคนละ 80 บาท เด็กอายุต่ำกว่า18 ปี 25 บาท และชาวต่างชาติ 200 บาท หากเข้าชมทั้ง 2 แห่ง คนไทย 150 บาท เด็ก 50 บาท และชาวต่างชาติ 300 บาท โดยแต่ละวันมีผู้เข้าชมประมาณ 200 คน โดยเป็นชาวต่างชาติประมาณ 20-30 คน
ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำของกลางมาให้ทางศิริราชตรวจสอบ ยืนยันว่าเป็นของที่ถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช โดยชิ้นส่วน 3 ชิ้นเป็นของภาควิชานิติเวชศาสตร์ ที่ตึกอดุลยเดชวิกรม ชั้น 2 ซึ่งเป็นชิ้นส่วนผิวหนังที่มีรอยสัก 2 ชิ้น และอีกชิ้นเป็นหัวใจถูกแทง ส่วนอีก 2 ชิ้นเป็นของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ อยู่ตึกภาคกายวิภาค ซึ่งเป็นเท้าเด็กกับใบหน้า ทั้ง 5 ชิ้นได้เก็บรักษาเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ศึกษาและให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชม
ชิ้นส่วนทุกชิ้นในศิริราชที่นำมาดองไว้นั้น ต้องถูกปิดคดีเรียบร้อยแล้ว จากนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าทั้ง 5 ชิ้นส่วน
เกี่ยวข้องกับคดีใดเพื่อส่งรายงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเพิ่งทราบว่ามีชิ้นส่วนหายไปหลังจากมีข่าว เนื่องจากศิริราชมีการจัดแสดงงานเป็นร้อยๆ ชิ้น จึงไม่ทราบ ซึ่งจากนี้จะวางมาตรการความปลอดภัยและเฝ้าระวังเรื่องของหายอย่างเข้มงวด ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของเรารักองค์กร เพราะแต่ละคนทำงานมานาน อย่างไรก็ตาม ขอปล่อยให้เป็นเรื่องดำเนินการตรวจสอบของตำรวจต่อไป
และจากการตรวจสอบของแพทย์นิติเวชเบื้องต้น พบว่าชิ้นส่วนหัวใจมีร่องรอยถูกแทง จึงต้องขอข้อมูลจากทางศิริราชเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต เพื่อนำมาประกอบรายงานการสืบสวน ซึ่งจากนี้จะมีการสอบพยานแวดล้อม บุคลากร และหลักฐานต่างๆ รวมทั้งจะมีการรวบรวมสำนวนการสอบสวนในคดีเก่าๆ ที่ผ่านมา อย่างคดีที่มีเด็กแฝด 2 คู่ที่ถูกดองไว้หายไปเมื่อปี 2545 เพื่อดูว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่