รวบน้าโหด! ฆ่าหั่นศพหลานชายทิ้งร่องน้ำ ตัดหัว-ลำตัว

รวบน้าโหด! ฆ่าหั่นศพหลานชายทิ้งร่องน้ำ ตัดหัว-ลำตัว และแขนโยนทิ้งเกลื่อน เหตุฉุนโดนทวงเงิน

(2 พ.ย.) จากกรณีที่เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนนายถาวร อินต๊ะจันทร์ อายุ 41 ปี ชาวอ.บ่อไร่ จ.ตราด เป็นคนงานเฝ้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ในสภาพสุดสยองถูกหั่นเอวขาดครึ่ง ตัดศีรษะและแขนทั้ง 2 ข้าง กระจัดกระจายอยู่ ศีรษะมีรอยถูกทุบด้วยของแข็ง ส่วยภายในร้านก๋วยเตี๋ยวพบมีดและค้อนปอนด์เปื้อนคราบเลือดวางทิ้งอยู่ พร้อมกองเลือดจำนวนมาก คาดเป็นจุดเกิดเหตุฆาตกรรมและหั่นศพ โดยอวัยวะทั้งหมดนั้น ถูกโยนทิ้งร่องน้ำในคลองชลประทาน หลังโรงเรียนเทศบาล 1 อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนไล่ล่าตัว

ล่าสุดในวันเดียวกัน มีพลเมืองดีได้พบชายต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นฆาตรกรชื่อนายยศ ขันทร์แก้ว อายุร 50 ปี พลเมืองดีโทรแจ้งชุดสืบสวนสภ. เมืองจันทบุรี ทันที

ต่อมาพ.ต.ท.คณิศร บุญสุข สว.สืบสวน สภ.เมืองจันทบุรีนำกำลังจนท.ชุดสืบสวน ไปที่บริเวณหน้าโรงแรมเค.พี.แกรนด์ ถนนตรีรัตน์ ตำบลจันทนิมิต อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี พบชายชื่อนายยศ จันทร์แก้ว อายุ 50 ปี ใส่เสื้อตาหมากรุกสีแดง กำลังเดินบนถนนตรีรัตน์ มีเป้สพายหลัง

พ.ต.ท.คณิศร บุญสุข สว.สืบสวน สภ.เมืองจันทบุรี จึงสอบถามนายยศ รับสารภาพทันทีว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านายถาวร อินตะจันทร์ ตายและตัดหัวแขนขาทิ้งร่องน้ำจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายยศ คนร้ายไปสอบสวนที่งานสืบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ขยายผล

ด้านนายยศ จันทร์แก้ว อายุ 50 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 552 หมู่ที่ 3 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด

สารภาพว่า เหตุที่ฆ่านายถาวร เกิดตั้งแต่คืนวันที่ 1 พย 57 สาเหตุจากมีการทะเราะกัน โดยนายถาร อินตะจันทร์ อายุ 41 ปี เป็นหลานของตน ก่อนเกิดเหตุตนถูกนายถาวร ทวงเงิน จำนวน 1,200 บาท แต่ตนไม่มีให้ นายถาวร ลงมือชกต่อย ซึ่งตนต่อสู้ไม่ได้ และก็มีญาติห้ามปรามแยกย้ายไป ต่อมาหลังสองทุ่มเศษ นายถาวร นั่งดูโทรทัศน์ในร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ไม่มีเลขที่ ที่เกิดเหตุ ร้านตั้งภายในพื้นที่สนามกีฬาทุ่งนาเชย ต.วัดใหม่ อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี นายถาวรไม่ทันระวังตัว ตนนำค้อนปอนด์ ตรงเข้าทุบที่ศรีษะ 2 ครั้ง นายถวรแน่นิ่งไป ตนใช้มีทำครัว ตัวศระษะนายถาวร ทันที แล้วโยนศรีษะ ทิ้งร้องนำสาธานรณะข้างร้าน จากนั้นใช้มี ตัดแขน 2 ข้าง ตัดลำตัวแยกโยนลงร่องนำสาธารณะใกล้กัน

หลังก่อเหตุ ตนเก็บเสื้อผ้าหลบหนีออกจากร้านที่เกิดเหตุ แต่ตนไม่กล้าขึ้นรถโดยสารในเมือง รุ่งเช้าตนเดินออกจากตลาดเขตเทศบาลเมืองาลจันทบุรี ข้ามสะพานตรีรัตน์ เดินตามถนนตรีรัตน์ ตั้งใจจะมุ่งหน้าออกไปถนนสุขุมวิท ขึ้นรถนอกเมืองกลับไปที่บ้านเดิม ที่อำเภอต่อไร่ จังหวัดตราด ก็มีพลเมืองจำตนได้ แล้วแจ้งตำรวจมาจับตนดังกล่าว