ตร.เร่งคลี่คดี เฒ่ายุ่นหายตัว เช็กรถ-คอนโด ลูกให้ข้อมูลเพิ่ม
หนุ่มยุ่น-จนท.ทูต พบตร.ห้วยขวางให้ข้อมูลเพิ่มกรณีพ่อชาวญี่ปุ่นวัย 79
หายตัวลึกลับ ตร.เผยสอบพยานไปแล้ว 2-3 ปาก ส่วนผลตรวจรถหญิงเจอคราบ ต้องเก็บไปตรวจพิสูจน์ ต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่สืบสวน ด้านจนท.อาคารที่พักเช็กวงจรปิดเผยพิรุธหญิงต้องสงสัยขึ้นลิฟต์แค่ชั้น 9 แล้วเดินขึ้นบันไดหนีไฟอีกชั้นเพื่อมาห้องพ่อเฒ่ายุ่น
จาก กรณีนายเทสซึโอะ ชิมาโตะ อายุ 47 ปี ชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง
ว่านายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ผู้เป็นพ่อ ครูสอนภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทย หายตัวลึกลับไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปตรวจสอบห้องพักในอาคารศรีวราแมนชั่น 2 ซอยนาทอง 3 แขวงและเขตดินแดง กทม. กลับพบตัวนางพรชนก ไชยะปะ อายุ 47 ปี อยู่ภายในห้องพัก โดยอ้างว่ารู้จักนายโยชิโนริและเข้ามาเก็บของในห้อง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยว ข้องกับการหายตัวไปของนายโยชิโนริ จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นพบว่านางพรชนกนำบัตรเอทีเอ็มของนายโยชิโนริไปกดเงิน 14 ครั้ง รวมเป็นเงิน 700,000 บาท จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาและได้ประกันในชั้นศาล ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อ เวลา 09.30 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่ สน. ห้วยขวาง นายเทสซึโอะพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น
เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อภิฌาน สวัสดิบุตร พงส.ผทค.สน.ห้วยขวาง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมถึงประเด็นข้อมูลต่างๆ ของนายโยชิโนริ ผู้เป็นพ่อ โดยมีบรรดาผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศพากันมารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้า ไปบันทึกภาพทำข่าวแต่อย่างใด หลังจากสอบปากคำนานประมาณ 3 ชั่วโมง นายเทสซึโอะพร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น เดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
ตร.เร่งคลี่คดี เฒ่ายุ่นหายตัว เช็กรถ-คอนโด ลูกให้ข้อมูลเพิ่ม
ขณะ เดียวกันเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อตรวจเก็บหลักฐานภายในรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ แบบ 4 ประตูติดหลังคา
สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศฉ 1416 กทม. ซึ่งเป็นรถของนางพรชนก เพื่อตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงภายในรถ ตามขอบประตู เบาะที่นั่ง เพื่อหาว่าจะมีหลักฐานเกี่ยวกับตัวนายโยชิโนริอยู่ภายในรถบ้างหรือไม่ จาก นั้นได้เดินทางเข้าตรวจเก็บหลักฐานภายในห้องพักเลขที่ 238/180 ชั้น 10 อาคารศรีวราแมนชั่น 2 เพื่อตรวจเก็บหลักฐาน เบื้องต้นพบข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิงวางอยู่ในห้องจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรวบรวมไปตรวจสอบต่อไป
พ.ต.อ. อภิฌาน สวัสดิบุตร พนักงานสอบ สวนผู้ทรงคุณวุฒิ (พงส.ผทค.) สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า
วันนี้ได้สอบปากคำนายเทสซึโอะ โดยเบื้องต้นเเจ้งเพียงว่าบิดาหายตัวไปและไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ อยู่ในช่วงสืบสวน ยังไม่สามารถสรุปได้ว่านาย โยชิโนริยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนสำนวนขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้ว 2-3 ปาก ซึ่งได้ข้อมูลมาพอสมควร แต่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย รวมทั้งเรียกพยานอื่นมา สอบปากคำด้วย ส่วนการตรวจสอบรถอีซูซุ ดีแมคซ์ ของนางพรชนก เบื้องต้นพบคราบคล้ายเลือดหรือหยดน้ำมัน จึงต้องตรวจพิสูจน์ให้ทราบแน่ชัด
ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ รรท.ผบก.น.1 เปิดเผยว่า
เบื้องต้นได้สั่งการให้ทางฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ตรวจสอบข้อมูลความเชื่อมโยงของแต่ละส่วน โดยเน้นการติดตามหาข้อมูลของบุคคลที่หายตัว ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตหรือไม่ รวมถึงวันเวลาตั้งแต่วันที่หายตัวไปตั้งแต่แรก จนถึงล่าสุด อย่างไรก็ตาม ต้องให้เวลาฝ่ายสืบสวนได้ทำงานก่อน ทั้งนี้ ตนลงพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อเรียกประชุมติดตามความคืบหน้าประมาณ 21.00 น. ต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการติดตามคดีเบื้องต้น
ตำรวจได้จับกุมนางพรชนกที่อ้างเป็นเพื่อนหญิงของนายโยชิโนริ หลังพบนำบัตรเอทีเอ็มของผู้สูญหายไปกดเงินกว่า 7 แสนบาท จึงได้มีการแจ้งข้อหาลักทรัพย์ โดยต่อมานางพรชนกได้ประกันตัวในชั้นศาล หลังจากนี้ตำรวจจะติดตามตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบสถานที่ทำงานและที่พักของนาย โยชิโนริ เพื่อหาจุดผิดสังเกต ว่าหายไปจากพื้นที่ใด โดยครั้งสุดท้ายที่บุตรชายสามารถ ติดต่อได้อยู่ในช่วงวันที่ 20-21 ก.ย.
พ.ต.อ.สมบัติกล่าว ต่อว่า ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลและศูนย์แจ้งคนหายต่างๆ เพื่อติดตามร่องรอยเพิ่มเติม และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของนายโยชิโนริไปตรวจสอบหา ความเชื่อมโยงต่างๆ พร้อมยืนยันว่าตำรวจจะหาพยานหลักฐานต่างๆ ด้วยความรอบคอบ และทำคดีด้วยความระมัดระวัง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนางพรชนกได้นำบัตรเอทีเอ็มของนายโยชิโนริไปกดเงินตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. โดยส่วนใหญ่กดที่ตู้เอทีเอ็มพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี จ.สมุทร ปราการ รวมกดเงินไปทั้งหมดประมาณ 7 แสนกว่าบาท
ด้านนายดำ รงค์ สุดจันทึก อายุ 30 ปี หัวหน้าฝ่ายตรวจการอาคารศรีวราแมนชั่น 2 กล่าวว่า นายโยชิโนริเดินทางมาเข้าพักที่ห้องพักดังกล่าวมาตั้งแต่ปี"51 ที่ผ่านมา โดยทำงานเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นแบบตัวต่อตัว โดยปกติเจ้าตัวเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากป่วยเป็นโรคหัวใจ และจะพักอยู่คนเดียว ไม่เคยพาบุคคลภายนอกเข้ามาที่อาคารเลย จนกระทั่งวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ลูกศิษย์ของนายโยชิโนริโทรศัพท์มาสอบถามที่นิติบุคคลว่าทำไมนายโยชิโนริถึง ไม่ไปสอนภาษาญี่ปุ่น และไม่สามารถติดต่อได้เลย ทางนิติบุคคลจึงช่วยติดต่อประสานไปยังสถานทูตญี่ปุ่นเพื่อช่วยในการติดตามหา ตัวนายโยชิโนริ
นายดำรงค์กล่าวต่อว่า ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา นายเทสซึโอะเดินทางกลับมาจากแจ้งความที่สน.ห้วยขวาง
ได้ติดต่อขอเข้าตรวจสอบห้องพักของนายโยชิโนริ จึงนำกุญแจห้องมาไขเปิดประตูเข้าไปก็ปรากฏว่าห้องถูกล็อกโซ่จากด้านใน โดยมีผู้หญิงอยู่ในห้องพักอยู่คนหนึ่ง ซึ่งหญิงคนดังกล่าวตะโกนบอกว่าขอเวลาสักครู่กำลังอาบน้ำอยู่ จากนั้นประมาณ 20-30 นาที หญิงคนดังกล่าวก็เปิดประตูออกมา ปรากฏว่าเป็นนางพรชนกตามที่ปรากฏในข่าว จึงสอบถามว่าเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาในห้องของนายโยชิโนริได้
นายดำรงค์กล่าวอีก ว่า ซึ่งนางพรชนกพยายามบ่ายเบี่ยงตอบวกไปวนมา อ้างแต่ว่ามาเก็บของ มาเอาของเท่านั้น
อีกทั้งยังแสดงพิรุธไม่ยอมสอบถามหรือหันหน้ามาคุยกับตน แต่กลับกันไปพูดภาษาญี่ปุ่นกับนายเทสซึโอะจับใจความได้ทำนองว่า รู้ว่านายโยชิโนริอยู่ไหน จะพาไปหา จะไปด้วยกันหรือไม่ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เชิญตัวนาง พรชนกออกจากแมนชั่นไป
นาย ดำรงค์กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางแมนชั่น ก็พบว่านางพรชนกขับรถกระบะของตัวเองมาจอดไว้ที่อาคารเพชรคณา คอนโดมิเนียม
ที่อยู่ห่างศรีวราแมนชั่น 2 ประมาณ 200 เมตร เนื่องจากหากรถที่จะเข้ามาจอดภายในอาคารนั้นต้องมีสติ๊กเกอร์ของอาคารเท่า นั้น จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าเดินทาง 1 ใบเข้ามาที่ล็อบบี้ของแมนชั่น ใช้คีย์การ์ดกดลิฟต์ตัวกลางขึ้นมาที่ชั้น 9 แล้วเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปชั้น 10 ก่อนจะใช้กุญแจไขห้องพักของนายโยชิโนริเข้าไป จนกระทั่งตนกับลูกชายนายโยชิโนริเข้ามาพบในช่วงบ่าย
นายดำ รงค์กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานอยู่ที่แมนชั่นมานาน 4 ปี ไม่เคยพบเห็นนางพรชนกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นายโยชิโนริก็ไม่เคยพาเข้ามาที่แมนชั่นด้วย แต่จากการตรวจสอบประวัติการเข้าออกภายในอาคารพบว่านางพรชนกเดินทางเข้ามาที่ อาคารศรีวรา แมนชั่นนี้ตั้งแต่เดือนเม.ย.56 ที่ผ่านมา โดยเข้ามาถี่มาก หลังจากนั้นก็เข้ามานานๆ ครั้ง โดยช่วงเวลาที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นระยะเวลาหลัง 23.00 น. ก่อนจะออกไปในช่วงเวลา 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ ตนไม่พบนาย โยชิโนริเลยตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าน่าจะหายตัวไปในช่วงวันที่ 21-29 ก.ย.