ที่ห้องประชุม โรงแรม เซนทรา-ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ไม่ได้ดูกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ แต่อยู่ปลายน้ำ กระทรวงยุติธรรมมีงานไม่ชัดเจนเหมือนกระทรวงมหาดไทย ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างระบบ แม้แต่งานยาเสพติด เลขาธิการ ป.ป.ส. ก็ทำได้ คือสร้างระบบ งานปราบก็ทำเองไม่ได้ งานเกี่ยวกับเด็กก็ต้องประสานกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนดีเอสไอถ้าเป็นคนยุติธรรมก็ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมตามที่สังคมคาดหวัง
ทำให้การคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นจากการให้อำนาจหน้าที่ จึงต้องระมัดระวัง ซึ่งย้อนมาถึงดีเอสไอ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจทั่วประเทศ ได้ใช้อำนาจเพื่อตัวเองหรือกลุ่มหรือไม่ ถ้าทำเช่นนั้น ก็เลว อย่างไรก็ตาม เมื่อตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ต้องร่วมกับปลัดกระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ปกป้องดีเอสไอ หากวันนี้ คนดีเอสไอ ยอมรับ ว่าไม่ได้รับความเชื่อถือ ก็ต้องปรับปรุง แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องกลัว ดังนั้นให้ไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมีกระแสข่าว จะให้ยุบบ้าง ปรับโครงสร้างดีเอสไอ บ้าง ดีเอสไอถูกแทรกแซงบ้าง จึงต้องปรับปรุงปฏิรูปได้ เมื่อตนเป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบดีเอสไอ ก็ต้องเข้ามาเคลียร์ ให้ดีเอสไอ เป็นที่ยอมรับ
หากพบผู้กระทำผิดตนจะสอบสวนเอาผิดด้วยตัวเอง การกระทำครั้งนี้กำลังฟ้องกับสาธารณะว่าดีเอสไอถูกแทรกแซงจริง พวกท่านกำลังฆ่าดีเอสไอ พฤติกรรมเช่นไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายทำก็ต้องเรียกว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ดีเอสไอเป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายทำงานภายใต้ความคาดหวังของประชาชนแต่กลับมาเกิดเหตุลักษณะนี้ ตนไม่พอใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
ทะเบียน ษม 51ของ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ซึ่งจอดไว้ในอาคารจอดรถของศูนย์ราชการอาคาร บี ได้รับความเสียหายทั้งคัน เบื้องต้นสันนิษฐานอาจเกิดจากปัญหาความขัดแย้งภายใน เนื่องจากมีการปรับย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งตั้งแต่ระดับผอ.ศูนย์ไปจนถึงเจ้าหน้าที่คดีพิเศษหลายตำแหน่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรในบริเวณดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่พอใจอย่างมาก