(30 ก.ย.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.พงษ์สักก์ เชื้อสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5
และ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 คุมตัวนางระเวียง บุญทิพย์ อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 9/11 หมู่ 3 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง" นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลุมพินี กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ 347/2557 ลงวันที่ 19 กันยายน 2557
โดย พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2556 นางฉฏา สีบุญเรือง อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 85 หมู่ 4 อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ไฮโซในแวดวงสังคมชั้นสูงของกรุงเทพฯ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ลุมพินี ให้ดำเนินคดีกับนางระเวียงที่หลอกลวงให้ซื้อพลอย และหยกศักดิ์สิทธิ์จากพม่าแต่สุดท้ายกลายเป็นของปลอม
"นางฉฏาแจ้งว่าเมื่อประมาณปี2547ได้มีคนแนะนำให้รู้จักกับนางระเวียงหรือที่รู้จักกันดีว่าเป็น "ร่างทรงเจ้ากุมารทอง" ตำหนักเจ้าหล้ากุมารทอง รับดูดวง เสริมชะตา สะเดาะเคราะห์ บ้านเลขที่ 9/11 หมู่ 3 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จึงมีการติดต่อดูดวงและสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อหลายครั้ง
ต่อมานางระเวียงได้โน้มน้าวให้ซื้อพลอยและหยกศักดิ์สิทธิ์จากพม่า โดยอ้างว่าเป็นของแท้และหายากหากใครมีไว้ในครอบครองจะเจริญก้าวหน้าและอุดมสมบูรณ์จึงหลงเชื่อและทยอยซื้อเก็บไว้หลายชิ้น รวมเป็นเงินกว่า 17 ล้านบาท
จนกระทั่งปี 2556 ได้นำอัญมนีที่ซื้อไว้ส่งไปตรวจสอบที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี และเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ปรากฎว่าทุกชิ้นเป็นของปลอมทั้งหมด จึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่นางระเวียงหลบหนีหมายจับไปนานร่วมปี ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวได้เช้าวันเดียวกันนี้ (30 ก.ย.) ขณะเดินทางกลับมาที่ตำหนักทรงเจ้า"
อย่างไรก็ตาม นางระเวียง อ้างว่า ตนเปิดตำหนักมาร่วมสิบปี มีผู้ศรัทธาจากทุกระดับสาขาอาชีพ
ส่วนเรื่องนางฉฏามาซื้อพลอยและหยกศักดิ์สิทธิ์ของตนนั้น ก็เป็นการมาขอซื้อเองตามความเชื่อของนางฉฏา รวมทั้งเงินที่นางฉฏาให้มานั้นก็ให้เพราะความเสน่หา เพราะความรักความชอบส่วนตัว ตนไม่ได้หลอกลวงใคร