จนถึงวันนี้ ก็นับเป็นวันที่ 8 แล้ว สำหรับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสืบหาฆาตกรที่ลงมือฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ต้องใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้นในการค้นหาตัวคนร้าย
เนื่องจากเบาะแส และหลักฐานที่รวมรวมมาได้ทั้งหมดนั้น ยังไม่สามารถชี้เป้าอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่ตัวคนร้ายได้ ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบกลุ่มผู้ต้องสงสัย ที่สำคัญคือ มีคนไทยรวมอยู่ในนั้นด้วย
พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงเบาะแสล่าสุดในคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้พบชายต้องสงสัย คล้ายบุคคลในภาพ
จากกล้องวงจรปิด ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่ประกบตัวอยู่ และจากการวิเคราะห์ภาพวงจรปิดโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่าเวลาที่ชายไทยคนดังกล่าวปรากฏในภาพ เป็นช่วงหลังจากที่นักท่องเที่ยวทั้ง 2 รายถูกทำร้ายร่างกาย
โดยชายคนดังกล่าวมีความเกี่ยวพันในลักษณะเป็นหัวหน้าของผู้ต้องสงสัยอีกคน
ส่วนสาเหตุที่ชายคนดังกล่าว นุ่งกางเกงเพียงตัวเดียว และไม่สวมรองเท้านั้น อาจเป็นเพราะถูกปลุกขึ้นมากะทันหันกลางดึก และรีบไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งถือว่ามีส่วนรู้เห็น หรืออาจไปช่วยกันทำลายหลักฐาน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวชายคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว พร้อมกันนี้ พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ยังได้ร้องขอไม่ให้สื่อมวลชนเสนอข่าวในรายละเอียดการทำงานเนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี และกลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งขณะนี้พบว่ามีคนไทยรวมอยู่ด้วย จะไหวตัวทัน และทำลายพยานหลักฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพยานหลักฐานที่ชุดคลี่คลายคดีมีอยู่ในมือไม่สามารถเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ ก็จะทำให้การตรวจเก็บพยานหลักฐานทางวิทยา ศาสตร์เป็นไปได้ยาก ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามสอบปากคำนายเลอพงษ์ สุขสมบูรณ์ หรือแน็ก อายุ 27 ปี ลูกเรือสปีดโบ๊ทเรือลมหลัก ของบริษัท ลมหลัก คีรินทร์ ไฮสปีด เฟอร์รี่ ที่ประจำอยู่บนเกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบชายต้องสงสัยมีอาการประสาทหลอนจากการเมายาเสพติด เข้าไปหลบซ่อนภายในถ้ำกากี บริเวณเขาแหลมใหญ่ หมู่ 5 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวไปสอบสวน ซึ่งผลการตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เสพยาเสพติด และมีสารเสพติดในร่างกาย ทั้งนี้ นายเลอพงษ์ ให้การว่า เป็นลูกเรือสปีดโบ้ทอยู่ที่เกาะสมุย และยืนยันว่าคืนวันที่ 15 ก.ย. ตนอยู่ที่เกาะสมุย พร้อมทั้ง ระบุอีกด้วยว่า เวลามีทัวร์ตนก็ไม่เคยขึ้นไปเที่ยวที่เกาะเต่า เพียงแต่พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำที่เกาะนางยวน เกาะเต่าในช่วงเช้า และเดินทางกลับเกาะสมุยในช่วงเย็นเท่านั้น
นอกจากนี้ นายเลอพงษ์ ยังยอมรับว่าได้เสพยาไอซ์เข้าไปจนเกิดประสาทหลอน และหวาดระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย จึงได้ยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อนไปที่บริเวณเขาแหลมใหญ่ และว่ายน้ำลงทะเลเพื่อไปที่ถ้ำกากีเพื่อหลบซ่อน จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัว
ส่วนผู้ต้องสงสัยลูกเรือสปีดโบ้ทอีก 2 คนที่เป็นเพื่อนกับนายเลอพงษ์ให้การปฏิเสธเช่นเดียวกันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า ซึ่งในเวลาที่เกิดเหตุนั้น ตนทั้ง 2 พักอยู่ที่เกาะสมุย ซึ่งมีหลักฐานในใบบันทึกเวลาเข้าออกงานมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ล่าสุดจากการตรวจที่พักของลูกเรือสปีดโบ้ททั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นกางเกงขาสั้น เปื้อนคล้ายเลือด 2 ตัว จึงนำกางเกงดังกล่าวส่งไปตรวจDNA ว่าตรงกับเหยื่อชาวอังกฤษหรือไม่ ส่วนการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทางด้านของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนส่วนกลางกว่า 100 นาย ลงพื้นที่เพื่อคลี่คลายคดี
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนจากส่วนกลางกว่า 100 นายที่มีฝีมือคลี่คลายคดีสำคัญลงพื้นที่ นำโดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รักษาราชการแทนผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญลงพื้นที่หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนผลการตรวจสอบดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย 30 คน ที่เรียกมาก่อนหน้านี้ พบว่ามีความไม่เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับดีเอ็นวัตถุพยานและดีเอ็นเอบนร่างของผู้เสียชีวิต
ส่วนผู้ต้องสงสัย 2 รายล่าสุด ยังไม่ได้รับรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอ จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งจากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะขยายผลจากหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้เปิดเผยเนื่องจากเกรงว่าจะมีผลต่อรูปคดี
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอกสมยศ กล่าวด้วยว่า ทางการประเทศอังกฤษยังคงมั่นใจการทำงานของตำรวจไทย โดยมีการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยตลอด ซึ่งทางสถานทูตเองได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ และเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากประเทศอังกฤษเข้ามาช่วยคลี่คลายคดี อย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นการเพิ่มความสับสนมากขึ้นไปอีก เมื่อสื่อต่างประเทศรายงานว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ อาจเป็นแก๊งกระชากกระเป๋าก็เป็นได้
หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของ เจมส์ ไอแซ็คส์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและเพื่อนของผู้เสียชีวิตว่า ในคืนก่อนเกิดเหตุ มีสาวชาวอังกฤษ 2 คน ถูกคนร้าย 4 คน ปล้นจี้เอากระเป๋า กล้อง และโทรศัพท์ ของพวกเธอไป ขณะเดินอยู่บนหาดทรายรี ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่เกิดเหตุฆาตกรรม จึงเป็นไปได้ว่า คนร้ายทั้ง 4 คน อาจเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ลงมือฆ่า นายเดวิด มิลเลอร์ และ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ ด้าน พ.ต.ท.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ตำรวจรู้ หรือได้รับแจ้งเหตุการณ์จี้ปล้นดังกล่าวหรือไม่ เพราะบางครั้งนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้แจ้งตำรวจเมื่อเกิดเหตุเหล่านี้ ทั้งนี้ ตำรวจยังคงไม่ปัดตกข้อสันนิษฐานใดๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อสันนิษฐานที่ว่า เดวิดและฮันนาห์มีเรื่องวิวาทกับชายไทยคนหนึ่งก่อนเกิดเหตุไม่นาน ซึ่งสาเหตุของการวิวาทก็เป็นเพราะชายไทยรายนี้มายุ่งย่ามกับฮันนาห์ หรือกลุ่มชาวประมงที่โดดจากเรือประมงขึ้นมาบนฝั่งเพื่อก่อคดีสลด รวมถึงข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความหึงหวงด้วย ซึ่งตอนนี้ยังคงเร่งสืบสวนเพื่อนำตัวฆาตกรมาดำเนินคดีโดยเร็ว ขณะที่ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่าขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินหน้าเต็มที่โดยให้ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์ และฝ่ายสืบสวน ลงไปติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่อีกด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ต่างชาติแสดงความไม่มั่นใจการสอบสวนของตำรวจไทยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้กำชับอย่างชัดเจนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างถูกต้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว ซึ่งในขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่ และนายกรัฐมนตรียังฝากให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้เรียบร้อย ไม่ใช่เพียงตำรวจเท่านั้น แต่ในส่วนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องมีส่วนดูแลความปลอดภัยทั้งในด้านสถานที่ต่างๆ ที่เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง
ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวถือเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนผู้ประกอบการเองก็ต้องให้ความร่วมมือในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวด้วย จึงขอฝากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย
นอกจากประเด็นในเรื่องของการติดตามตัวคนร้ายแล้ว ในวันนี้สื่ออังกฤษ ได้รายงานว่า ศพของ น.ส.ฮานน่าห์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้กลับถึงบ้านแล้ว สำนักข่าวบีบีซี รายงานเกี่ยวกับประเด็นครอบครัวของฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ ที่เดินทางมายังกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน เพื่อนำศพฮันนาห์กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดนั้น
ล่าสุด ครอบครัววิทเธอริดจ์ เปิดเผยว่า ได้ฮันนาห์กลับอังกฤษแล้ว และในฐานะครอบครัว รู้สึกเบาใจที่ได้พาฮันนาห์กลับสู่บ้านที่เธอเคยอยู่ ต่อจากนี้เราจะร่วมมือกับตำรวจในการสืบสวนคดีนี้ เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ครอบครัวรู้สึกใจสลายเหลือเกินกับการจากไปของฮันนาห์ และขอความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาอันโศกเศร้านี้ด้วย ขณะเดียวกัน ผลกระทบโดยตรงที่สืบเนื่องมาจากคดีดังกล่าว ก็คือการท่องเที่ยวของประเทศไทย ส่งผลให้ยอดการจองโปรแกรมท่องเที่ยวเกาะเต่าชะลอตัวลง
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมที่เกาะเต่า โดยระบุว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอุทาหรณ์ เพื่อความปลอดภัยที่ต้องเพิ่มการดูแลทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และคนในชุมชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวเองด้วย
โดยขณะนี้ พบว่า การจองโปรแกรมท่องเที่ยวเกาะเต่าได้ชะลอลง แต่เชื่อว่า ผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเหมือนอุบัติเหตุ และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ติดตามความคืบหน้าแล้ว