ร้านทองผวาติดกรง ป้องกัน´โจร´อาละวาด

"ร้านทองหาทางป้องกัน แฟชั่นปล้นร้านทองกันจ้าละหวั่น"



จากแฟชั่นโจรปล้นร้านทองที่กำลังระบาดไปทั่วประเทศเวลานี้ ส่งผลให้เจ้าของร้านทองต่างแสวงหามาตรการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากน้ำมือโจรกันจ้าละหวั่น

โดยที่ อ.เมืองสระบุรี มีเจ้าของร้านทองหัวใสรายหนึ่ง

มีมาตรการป้องกันโจรได้อย่างแยบยล ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 10 พ.ค. พบว่าที่ร้านทองโต๊ะกังสระบุรี เลขที่ 400 ถนนพิชัย ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี ทางร้านได้ติดตั้งลูกกรงเหล็กคลุมรอบตู้โชว์ทองทุกตู้ คนขายและเจ้าของร้านจะอยู่ข้างในพูดคุยกับลูกค้าผ่านลูกกรงแบบเดียวกับโรงรับจำนำ

นายบัญชา ตั้งคนาวนิชย์ อายุ 65 ปี

เจ้าของร้านทองโต๊ะกังสระบุรี เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการรับมือกับโจรปล้นร้านทองว่า จากที่ได้เห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ มีเหตุปล้นฆ่า ฉกทอง วิ่งราวร้านทองอยู่ เป็นประจำ

โดยช่วงต้นปี 50 นี้

ยิ่งมีเหตุรุนแรงหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา เป็นเพราะเศรษฐกิจตกต่ำ แถมคนร้ายมีใจโหดเหี้ยมมากขึ้น เข้ามาปล้นจะไม่พูดพร่ำทำเพลงกราดยิงเจ้าของร้านก่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก ผู้หญิง หรือลูกค้า ผิดกับสมัยก่อน

อย่างมากคนร้ายก็ใช้ปืนขู่หรือจี้

แล้วกวาดทรัพย์สินไป แต่สมัยนี้ส่วนมากยิงก่อนแล้วกวาดทอง ซึ่งที่ จ.สระบุรี เคยมีการปล้นและยิงเจ้าของร้านทองใน อ.วิหารแดง เมื่อไม่นานมานี้ แม้ตำรวจจะจับคนร้ายได้

แต่ก็สร้างความหวาดผวาแก่ร้านทอง

ใน จ.สระบุรี ที่มีทั้งหมดราว 60 ร้าน กระจายใน 13 อำเภอ อย่างมาก โดยเฉพาะที่ อ.เมืองสระบุรี มีร้านทองอยู่มากที่สุดถึง 30 ร้าน ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าน่าจะหาทางป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนเองไว้ก่อน ดีกว่าจะพึ่งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายเดียว



เจ้าของร้านทองหัวใสกล่าวต่อไปว่า

หลังคิดแบบลูกกรงเหล็กล้อมตู้โชว์ทองได้แล้ว จึงไปติดต่อหาช่างอ๊อกเหล็กมาสร้างขึ้น โดยให้ใช้เหล็กสเตนเลส ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ทำเป็นลูกกรงติดตั้งห่างจากตู้โชว์ทอง 2 เมตร

ครอบคลุมตู้กระจกทุกด้าน

มีประตูเข้า-ออกด้านใน และมีประตูปิดล็อก 2 ชั้น พร้อมกุญแจล็อกตาย 2 ดอก เมื่อลูกค้ามาซื้อทองก็พูดคุยกันผ่านลูกกรง อยากดูทองเส้นไหนก็จะหยิบส่งให้ได้สะดวกโดยผ่านลูกกรง สำหรับค่าจ้างทำลูกกรงเหล็กก็ไม่แพง แล้วแต่ขนาดของร้านว่าร้านใหญ่หรือร้านเล็ก

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังติดตั้งลูกกรง

แล้วทำให้ลูกค้าลดลงหรือไม่ นายบัญชาตอบว่า ลูกค้ามาปกติและยังพูดว่าดีแล้วที่ทำลูกกรงเพื่อป้องกันไว้ก่อน คิดว่าเมื่อโจรเห็นก็คงจะไม่ค่อยอยากเข้ามาปล้นร้านนี้ เพราะทำให้ ปล้นยากขึ้น

จะเอาทองไปทีละมากก็ไม่ได้

ทำให้คนมาซื้อทองก็สบายใจไปด้วย ล่าสุด ร้านทองที่ อ.วิหารแดง ซึ่งถูกปล้นไปเมื่อเดือนที่แล้วก็มาขอดูแบบและนำไปสร้างตามตัวอย่าง นอกจากนี้ ยังมีร้านทองที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก

ก็มาขอดูแบบแล้วนำไปทำตามอีก 3 ร้าน

ถ้าเจ้าของร้านทองร้านใดต้องการสอบถามรายละเอียดการติดตั้งหรือราคา ให้ติดต่อสอบถามมาที่ตน โทร.0-3621-1266 เพราะช่างที่ทำอยู่ใน จ.สระบุรี และตนก็พร้อมจะให้คำแนะนำทุกเรื่อง อยากให้ทุกร้านรณรงค์สร้างเครื่องป้องกันโจรปล้นร้านทอง จะได้ปลอดภัยทั้งคนขายและผู้ซื้อ



พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ ผกก.สภ.อ.เมืองสระบุรี

กล่าวว่า ขอชื่นชมว่าร้านทองโต๊ะกังสระบุรีมีไอเดียดีในการป้องกันโจร อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจ สภ.อ.เมืองสระบุรี ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้หามาตรการป้องกันเหตุมาตลอด

โดยให้ตำรวจสายตรวจรถ

จยย.มาดูแลตรวจตราทุกวัน มีการเซ็นชื่อตรวจ และแนะนำร้านทองทุกร้านให้ปฏิบัติตามดังนี้คือให้เปิดร้านเวลา 08.30 น. ปิดเวลา 17.00 น. เจ้าของร้านทองต้องสังเกตดูว่า ถ้ามีรถ จยย.หรือรถเก๋ง

ที่มาจอดหน้าร้านนานๆ ในลักษณะผิดสังเกต

ให้จด ทะเบียนรถ ยี่ห้อ และสีรถ รวมทั้งลักษณะการแต่งกายของคนในรถ เผื่อว่าหากมีเหตุร้ายจะได้ติดตามคนร้าย รวดเร็วขึ้น และให้จดจำลักษณะคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุว่าผอม สูง เตี้ย อ้วน โดยประมาณด้วย ที่สำคัญควรติดตั้งทีวีวงจรปิดทุกร้าน เวลาเกิดเหตุจะตรวจสอบหารูปพรรณคนร้ายได้ง่ายขึ้น

ส่วนกรณีคนร้ายถือมีดบุกเดี่ยวเข้าจี้ชิงทรัพย์

ภายในห้างทองทองประเสริฐ ย่านสำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ กวาดทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 250 บาท มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท หลบหนีไปนั้น ความคืบหน้าของคดี เมื่อเวลา 12.00 น.

วันเดียวกัน พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา

ผกก.สภ.ต.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วิชัย เจริญเรืองสกุล สว.สส. นำกำลังฝ่ายสืบสวน ออกติดตามคนร้าย พร้อมกระจายข้อมูลโดยการนำภาพจากกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายกำลังก่อเหตุไปยังร้านทองต่างๆ



เชื่อว่าคนร้ายน่าจะรีบนำทองรูปพรรณ

ที่จี้มาไปเร่ขายเปลี่ยนเป็นเงิน สำหรับจุดสังเกตทองรูปพรรณของห้างทองทองประเสริฐทุกเส้น ที่ตะขอจะมีการทำตำหนิ ตัวอักษร ส.เสือ และ ร.เรือ คู่กัน ไว้บริเวณกลางตะขอด้วย

ผกก.สภ.ต.สำโรงเหนือกล่าวต่อไปว่า

ส่วนมาตรการ ป้องกันเหตุ ขณะนี้อยู่ในระหว่างหารือร่วมกันกับกลุ่ม ผู้ประกอบการร้านทองในย่านสำโรงเหนือทั้งหมด เพื่อวางมาตรการป้องกันเพิ่มเติม ต่อไปจะมีการติดไฟกะพริบพร้อมสัญญาณเสียงไซเรนหน้าร้าน เมื่อมีการกดสัญญาณเตือนภัย เสียงจะดังสนั่นออกมานอกร้านเพื่อให้คนภายนอกทราบว่าภายในร้านเกิดเหตุร้ายขึ้น

ด้าน น.ส.ณรินี อารีพรสมสุข อายุ 32 ปี

เจ้าของห้างทองทองประเสริฐ เผยว่า เปิดร้านมาหลายปีแล้วไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและก็สูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนมาก ขณะเกิดเหตุก็ได้กดสัญญาณแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

แต่กว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึงคนร้ายก็วิ่งหนีไปไกลแล้ว

ทั้งที่ร้านอยู่ห่างป้อมตำรวจไม่กี่ร้อยเมตร ทั้งนี้ หากมีการติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนเพิ่มเติมทางร้านก็ยินดี แต่เจ้าหน้าที่ก็ควรปรับปรุงการทำงานให้รวดเร็วขึ้นด้วยและอยากให้ตำรวจติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ตระเวนดูบรรยากาศร้านทอง

ในย่านสำโรงเหนือ ที่มีอยู่กว่า 20 ร้าน พบว่าร้านทองหลาย ร้านต่างพากันปิดร้านชั่วคราว เพราะเจ้าของร้านยังไม่หายหวาดกลัวและเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นมาอีก ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.



ได้เดินทางไปที่ สภ.ต.สำโรงเหนือ

เพื่อติดตามความ คืบหน้าของคดี หลังการประชุม พล.ต.อ.วงกต เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนที่มีที่อยู่อาศัย อยู่ในละแวกสำโรงเหนือ และใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ

ดังนั้นจึงได้เชิญผู้ประกอบการค้าขายเสื้อผ้า

และกระเป๋า มาร่วมดูภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุเพื่อเป็นข้อมูลว่า เสื้อที่ผู้ก่อเหตุสวมใส่ หมวกแก๊ป กระเป๋าสะพายสีดำ มีแหล่งที่มาจากที่ใด และเคยมีลูกค้าในละแวกดังกล่าวซื้อไปสวมใส่และใช้บ้างหรือไม่ ซึ่งจะเป็นเบาะแสให้ เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

ขณะที่การไล่ล่าคนร้ายถือปืนบุกจี้ชิงทอง

ร้านเพชรทองกาญจนา ในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ทองมูลค่า 2.6 ล้านบาท หลังผ่านไป 4 วัน พ.ต.ท.นพเก้า โสมนัส สว.สส.สภ.อ.เมืองขอนแก่น

เปิดเผยว่า ได้สืบหาเบาะแสจาก

คนที่เพิ่งพ้นคดีออกจากคุกมาไม่นาน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนมีสี หรือผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการที่เคยมีประวัติ รวมทั้งบุคคลที่เคยฝึกอบรมการป้องกันตนเอง เพราะคนร้ายที่ลงมือบุกเดี่ยว รวดเร็ว คล่องแคล่ว

คล้ายคนที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี

ขณะนี้พบผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 ราย อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น อาชีพรับจ้างทั่วไป เคยผ่านการฝึกอบรมและการใช้อาวุธมา อายุ รูปร่าง ลักษณะ หน้าตา 90 เปอร์เซ็นต์ คล้ายคลึงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ



ตำรวจกำลังซุ่มดูพฤติกรรมอยู่

เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานและของกลางยืนยัน จึงไม่สามารถควบคุมตัวมาสอบสวนได้ จะต้องสืบสวนว่าก่อนและหลังเกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง และขอยืนยันว่าการจับกุมตำรวจไม่มีการจับแพะแน่นอน

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ สภ.อ.เมืองสุรินทร์

พล.ต.ต. บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบก.ภ.จ.สุรินทร์ พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชาญพนา รองผบก. พ.ต.อ.ชัยเดช ปานรักษา ผกก.สภ.อ. เมืองสุรินทร์ ร่วมกันสอบปากคำนายศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี

นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง

และเป็นผู้ขี่รถ จยย.รับคนร้ายออกจากร้านทองจินดา เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ หลังคนร้ายบุกเข้าไปชิงสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 2 เส้น มูลค่า 118,000 บาท เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบก.ภ.จ.สุรินทร์

เปิดเผยว่า นายศักดิ์ให้การว่า เป็นลูกเลี้ยงของคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทอง ก่อนคนร้ายลงมือ แม่ของนายศักดิ์ได้โทรศัพท์ไปบอกให้ขี่รถ จยย.จากบ้านมาหาที่เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์



หลังพบแม่แล้ว แม่สั่งให้ขี่รถไปรอรับพ่อเลี้ยง

ที่ซอยคาเธ่ย์ หลังร้านทองจินดา รออยู่ราว 20 นาที พ่อเลี้ยงวิ่งออกมาซ้อนท้ายรถ จยย.บอกให้รีบขี่รถออกไป อ้างเกรงจะเปียกฝน โดยให้ไปส่งที่หน้าปั๊มบีพี ถนนเทศบาล 3 เมื่อไปถึงพ่อเลี้ยงรีบลงจากรถแล้วเดินหายไป

นายศักดิ์จึงขี่รถ จยย.กลับบ้าน

และไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงไปก่อเหตุชิงทองมา ตำรวจจึงกันไว้เป็นพยานปากสำคัญ ขณะนี้ได้ออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุไปทั่วประเทศแล้ว คือนายชูชีพ หรือเชษฐ์ โพธิอำพล อายุ 45 ปี

ประวัติเคยก่อคดีชิงทรัพย์ที่ จ.ยะลา

ออกจากคุกเมื่อปี 48 แล้วมาก่อเหตุที่ จ.สุรินทร์ จึงอยากให้รีบมามอบตัว เพราะได้ส่งชุด ฉก.ไล่ล่าแล้ว พร้อมประสานตำรวจนครบาลช่วยติดตามอีกแรง มั่นใจว่าจะได้ตัวเร็วๆนี้



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์