ลุยตรวจทุจริตโรงเรียนดังย่าน ปากน้ำ
เข้าตรวจสอบสัญญาเช่าซื้อของโรงเรียนมัธยมดังในจังหวัดหลังมีผู้ร้องเรียนมีพฤติกรรมส่อทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างกว่า 45 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง สัญญาเช่า และโครงการที่ต้องใช้งบของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ หลังมีผู้ร้องเรียนส่อทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างกว่า 45 ล้านบาท อีกทั้ง ผอ. ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบส่งผลให้อาจารย์และเจ้าหน้าที่การเงินต้องขอย้ายเร่งด่วน
โดยผู้ร้องเรียนเปิดเผยข้อมูลว่า ตั้งแต่ ผอ.คนดังกล่าวเข้าบริหารโรงเรียนมีการจัดซื้อจัดจ้าง สัญญาเช่าที่มีราคาสูงผิดปกติ
ได้แก่ 1.การจัดทำห้องคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอนจำนวน 16ห้อง (ห้องGifted) มูลค่า 24ล้าน
2.การติดตั้งคอมพิวเตอร์มูลค่า18ล้านบาท โดยการเช่าซื้อ จากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ
3.โครงการติดเครื่องปรับอากาศในห้องเรียนจำนวน59เครื่อง มูลค่า 18 ล้านบาท ด้วยวิธีการเช่าสัญญา 6 ปี ในอัตราค่าเช่าปีละ 3,000,000 บาท คิดเป็นราคาค่าเช่าเครื่องปรับอากาศสูงถึงเครื่องละ 305,084 บาท จากบริษัทเอกชนแห่งเดิมที่ทำการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมเป็นเงินค่าเช่า
4. โครงการปรับปรุงห้องสมุดมูลค่า 3.2 ล้านบาท ประกอบด้วยโซฟา1ตัว คอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง เปลี่ยนโต๊ะห้องสมุด ติดตั้งเครื่องปรับอากาศใหม่ 7เครื่อง (รวมอยู่ในจาก59 เครื่องด้านบน) ซ่อมกระเบื้องยาง24แผ่น โดยการจ้างบริษัทเอกชนแห่งเดิม แต่มีการจัดตั้งบริษัทในชื่ออื่น
5.จัดจ่างครูอัตราจ้างด้วยงบ อบจ. แต่พฤติกรรมผิดจากเงื่อนไขในทางปฏิบัติ จัดจ้างเลขาเพิ่ม 4 ตำแหน่ง โดยพ่วงเงินเดือนการสอนนักเรียน แต่ในความเป็นจริงเข้าสอนไม่ครบชั่วโมง ส่วนใหญ่ออกไปทำงานส่วนตัวแทน เบิกรถของโรงเรียนไปใช้ในงานส่วนตัว
ด้านแหล่งข่าวแจ้งการเปิดซองประมูลในแต่ละครั้ง ผอ.จะแต่งตั้งคณะกรรมการที่เป็นพวกพ้องของตน อีกทั้งไม่แจ้งการเปิดซองประมูลให้คณะกรรมการสถานศึกษาทราบ และไม่เคยจัดการประชุมครูเพื่อชี้แจงการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งเมื่อมีข่าวหลุดออกมาได้สั่งยุติโครงการต่างๆทันที โดยให้เหตุผลว่าใช้ระยะเวลาในการดำเนินการนานเกินไป โดยในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 22.00 น. มีการนำบันทึกข้อความที่ไม่ออกเลขราชการมาติดชี้แจงยุติโครงการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าว โดยเป็นการออกเอกสารราชการที่ออกย้อนหลัง
สำหรับโครงการติดตั้งเครื่องปรับอากาศจำนวน 54 เครื่อง ดำเนินติดตั้งไปแล้ว 30 เครื่องและไม่มีการรื้อถอนแต่อย่างใดทั้งยังเปิดใช้งานปกติ โดยที่เจ้าหน้าที่ภายในโรงเรียนแจ้งว่า “ทราบโดยตลอดว่ามีการโกงการเปิดประมูล แต่ตนเองเป็นผู้น้อยต้องรับคำสั่งผู้บังคับบัญชาและไม่มีมีส่วนได้เสียในงบต่างๆ เป็นเพียงผู้เปิดประตูห้องให้เท่านั้น และแจ้งว่าขณะนี้ ผอ.ท่านดังกล่าวมีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ในจังหวัด และได้วิ่งเต้นครบทุกหน่วยงานแล้ว มั่นใจว่าเรื่องในครั้งนี้จะหลุดจากข้อกล่าวหาต่างๆอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมข่มขู่ อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ที่ไม่เห็นด้วยต่อการใช้งบ ว่าหากไม่หยุดขุดคุ้ยจะเกษียณราชการแบบไม่สวย จะไม่ได้รับบำเน็จบำนาญ พร้อมให้รอง ผอ.อีกท่านติดต่อกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ เพื่อขอให้ชะลอการลงข่าว
ด้าน น.ส.ศศิวรรณ ทรงบัณฑิต ผอ. สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ภายหลังดำเนินการเข้าตรวจหลักฐานในวันที่ 11-12 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจเอกสารทั้งหมด แต่เบื้องต้นพบว่า “มีโครงการจัดซื้อจัดจ้าง เช่าซื้อ สัญญาเช่า และโครงการอื่นๆที่ไม่เป็นไปตามระเบียบจำนวนมาก ซึ่งมากกว่าที่ผู้ร้องเรียนแจ้งเข้ามา สัญนิษฐานเบื้องต้นแบบเป็นกลางอาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องของระเบียบการหรือวิธีการของราชการ ส่วนโครงการเช่าเครื่องปรับอากาศมูลค่า 18 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดพบว่ามีหนังสือยกเลิกการเช่าดังกล่าว ทำให้ต้องการพิจารณาว่าบริษัทคู่สัญญาหรือมีผู้ใดเสียประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากหลักประกันยังคงอยู่ไม่ได้ถูกยกเลิกตามตัวสัญญา ทั้งนี้หากมีความเสียหายเกิดขึ้นการดำเนินการต่อไปคงต้องให้ทางจังหวัดเข้าไปตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง อีกทั้งพบว่ามีอาจารย์จำนวนมากกู้ยืมเงินโรงเรียนไป และยังไม่มีการผ่อนชำระตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก”
ด้านนายยงยุทธ ทรัพย์เจริญ ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 (ผอ.สพม.6) เปิดเผยว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทางคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนดังกล่าว ได้ทำหนังสือสอบถามการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องปรับอากาศล็อตใหญ่มายังเขต 6 จึงสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ยังไม่ทันได้สอบสวนทาง ผอ.โรงเรียนดังกล่าวได้ทำหนังสือชี้แจงว่า “ได้ยกเลิกการจัดซื้อและแจ้งคณะกรรมการสถานศึกษาและสมาคมศิษย์เก่าแล้ว” โดยส่งหนังสือยุติการจัดซื้อแนบท้ายมาด้วย ทางเขต 6 จึงยุติการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ยืนยันไม่ทราบว่าเป็นการเช่าซื้อระยะเวลา 6 ปี ซึ่งตามระเบียบถือว่าผิดกฎกระทรวงที่อนุญาตให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานราชการจัดตั้งงบผูกพันไม่เกิน 1 ปีงบประมาณเท่านั้น ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าจะเร่งส่งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่กับการตรวจสอบของ สตจ.สมุทรปราการ
"ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตนเองมีความนิทสนมกับ ผอ.ท่านดังกล่าว ขอปฏิเสธว่า เป็นเพียงการสนิทสนมแบบหัวหน้าและลูกน้องเท่านั้น ทั้งนี้ ทางเขตการศึกษาไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเบิกจ่ายงบดังกล่าว มีอำนาจเพียงรับรู้และแจกจ่ายงบของแต่ละโรงเรียนและติดตามทวงถามการสั่งเบิกงบเท่านั้น" ผอ.สพม.6 กล่าว.