2 ก.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป.
พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.ท.บุรินทร์ ยมจินดา สว.กก.4 บก.ป. ร.ต.ต.ประสิทธิ์ แสงลา รอง สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังจับกุม นางวัลย์รัตน์ รัตนผล อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ถนนเทศบาล 14 ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1671/2555 ลงวันที่ 14 กันยายน 2555 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จับกุมได้ที่บริเวณแยกโพธิ์หัก ต.โพธิ์หัก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนตุลาคม 2547 ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2549 ผู้ต้องหากับพวก ได้ตั้งบริษัท มูลนิธิโพธิ์สยาม จำกัด
ก่อนจะร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายหลายราย เพื่อระดมทุนจัดซื้อที่ดินในจังหวัดต่างๆ โดยอ้างว่ามีมูลนิธิจากต่างประเทศจะมารับซื้อต่อ แล้วนำไปแจกให้กับประชาชนซึ่งไม่มีที่ดินทำกิน โดยแอบอ้างว่า หาร่วมลงทุนซื้อที่ดินจะขายให้มูลนิธิต่างประเทศดังกล่าวได้กำไรถึง 5 เท่าของเงินที่ลงทุน ทำให้มีผู้หลงเชื่อบริจาคเงินให้เป็นจำนวนมาก แต่ภายหลังจึงทราบว่าไม่มีการซื้อที่ดินเกิดขึ้นจริง จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน ต่อมาจึงมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหาเอาไว้
นอกจากนี้ ภายหลัง นางวัลย์รัตน์ ได้ถูกออกหมายจับไว้แล้ว เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในระหว่างหลบหนีคดี ยังสร้างเรื่องอุปโลกน์
ว่าจะนำเงินจำนวน 3.2 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับมาจากองค์กรการค้าโลก หรือดับเบิ้ลยูทีโอ มาบริจาคให้โครงการก่อสร้างพระองค์ใหญ่ที่สุดในโลกของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ โดยมีการขึ้นป้ายชวนให้ร่วมทำบุญถวายบายศรีต่อองค์พระใหญ่ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้จัดสร้างเพื่อให้โครงการ นี้สำเร็จโดยเร็ว ทำให้มีผู้หลงเชื่อบริจาคเงินกันอีกเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายจากทั้งสองกรณีกว่า 100 ล้านบาท
ต่อมาชุดสืบสวน กก.4 บก.ป.ได้ใช้หลักการสืบสวนสมัยใหม่ตามแนวคิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.
และดำเนินการตามโครงการ "บิ๊กซิกซ์"โดยเข้าพบผู้นำสังคมภาคส่วนต่างๆ จึงได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ต้องหารายนี้ กระทั่งสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้หลังจากหลบหนีคดีมาอาศัยอยู่ใน พื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ก่อนคุมตัวมาสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน ร.ต.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า อยากจะฝากไปยังประชาชนทั่วไป ว่าปัจจุบันขบวนการหลอกลวงเหล่านี้มีกลโกง หรือวิธีการหลายอย่าง
โดยอาศัยเรื่องการทำบุญ ความมีจิตเมตตาของสุจริตชน และมักแอบอ้างบุคคลผู้มีชื่อเสียง วัด หรือองค์กรต่างๆ จึงขอให้อย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพ และควรจะตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อนจะตกเป็นเหยื่อ อย่างไรก็ดี ในส่วนผู้ต้องหารายนี้พบว่าทำกันเป็นขบวนการใหญ่ มีผู้ร่วมกระทำผิดที่ยังหลบหนีคดีอีกหลายคน จึงได้เร่งสอบสวนขยายผลการจับกุมแล้ว