ระทึกองค์ปฐมเจดีย์ โจ๋สาวคลั่งควงปืนขู่-ตร.ชาร์จวุ่น

ระทึกองค์พระปฐมเจดีย์นครปฐม สาววัยโจ๋ควงปืนจ่อขมับขู่ฆ่าตัว ตำรวจ-ญาติเกลี้ยกล่อมวุ่น สุดท้ายออกอุบายให้เปลี่ยนจุดที่ยืน

เพราะเป็นเส้นทางพระเดินผ่าน

หญิงสาวทำตามแต่โดยดีและไปพบเข้ากับยายที่ตามมา เลยใจอ่อนทิ้งปืนโผซบยายทันที ตรวจสอบพบปืนที่ใช้อยู่ในสภาพใช้การไม่ได้ และไม่มีกระสุน เผยก่อนเกิดเหตุแม่พามาตกลงเรื่องชู้สาวกับแฟนหนุ่ม แต่ระหว่างที่รอให้ปากคำอยู่นั้น ฝ่ายหญิงเกิดอาการเครียด ชักเอาปืนที่แอบพกมาวิ่งไปยังองค์พระขู่ฆ่าตัวดังกล่าว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 พ.ค.

ขณะที่ ด.ต.มานพ อินทร์เรือน พนักงานวิทยุ สภ.อ.เมือง นครปฐม ปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้รับแจ้งจากประชาชนที่มาติดต่อราชการว่า มีหญิงสาววัยรุ่นถืออาวุธปืนพกสั้นวิ่งออกจาก

โรงพักข้ามเข้าไปในองค์พระปฐมเจดีย์

ด้านพระศิลาขาว จึงแจ้งให้พ.ต.ต.รัฐพล สุ่มมาตย์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.อ.เมือง นครปฐม และพ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.ทราบ

จากนั้นได้สั่งระดมกำลังตำรวจออกตรวจหา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำองค์พระปฐมเจดีย์ตรวจพบหญิงดังกล่าวยืนถืออาวุธปืนกวัดแกว่งไปมาด้วยอาการเครียด พยายามจะยิงตัวเองที่ภายในองค์พระปฐมเจดีย์ด้านศาลเจ้าพ่อปราสาททอง

เจ้าหน้าที่จึงกันชาวบ้านให้ออกห่าง

เพื่อความปลอดภัย ต่อมาทราบว่าหญิงสาวดังกล่าวคือ น.ส.แสงดาว สังเกตการ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/2 ม.9 ต.ดอนตูม อ.บางเลน จ.นครปฐม ก่อนจะเกิดอาการเครียด ได้พากันมาตกลงใจกับแฟนหนุ่มวัยรุ่น ที่สภ.อ.เมือง นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตามตัวนางอุบลวัลย์ สังเกตการ มารดา มาร่วมเกลี้ยกล่อม

ระหว่างนั้น เหตุการณ์เริ่มระทึกขึ้น

เพราะน.ส.แสงดาวยื่นคำขาดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามนายอรรถพล หรือ แอ๊น แก้วภักดี อายุ 18 ปี แฟนหนุ่ม อยู่บ้านเลขที่ 9 ถนนไผ่เตย ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม มาพบ

ซึ่งเมื่อนายอรรถพลมาถึง น.ส.แสงดาว

ได้จ่อปากกระบอกปืนเข้าที่ขมับขวา และพยายามจะเหนี่ยวไก แต่ไม่เป็นผล ซึ่งทุกคนทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ นางอุบลวัลย์ และนายอรรถพลพยายามพูดเกลี้ยกล่อมขอให้วางอาวุธปืน ขณะที่กำลังตำรวจที่อยู่อีกด้านหนึ่งพยายามจะเข้าชาร์จ แต่ไม่สามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์

ได้ออกอุบายบอกน.ส.แสงดาวว่า จุดที่ยืนถือปืนอยู่นั้นกำลังจะมีพระสงฆ์หลายรูปเดินผ่านเพื่อขึ้นไปทำกิจสงฆ์บนองค์พระปฐมเจดีย์ ขอให้เปลี่ยนที่ยืนเพื่อเปิดทางให้พระสงฆ์ได้เดินผ่าน

ทำให้น.ส.แสงดาวเดินเลี่ยงไปยังจุดอับ

หน้าศาลเจ้าพ่อปราสาททอง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับ นางโกมล สังเกตการ อายุ 55 ปี ยาย และญาติอีก 2 คนทราบเรื่องเดินทางมาร่วมเกลี้ยกล่อมด้วย เมื่อน.ส.แสงดาวเห็นนางโกมลจึงยอมวางอาวุธปืนโผเข้ากอดยาย แม่และญาติทันที

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปรี่เข้าเก็บอาวุธปืน

ซึ่งเป็นชนิดลูกซองเบอร์ 12 แบบไทยประดิษฐ์ สภาพชำรุด ไม่สามารถใช้งานได้ และภายในลำกล้องรังเพลิงของปืนไม่มีกระสุน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก พร้อมเชิญนางอุบลวัลย์ นายอรรถพล พร้อมญาติไปสอบสวน

จากการสอบสวนได้ความว่า

น.ส.แสงดาวกับนายอรรถพลคบหาเป็นแฟนกันได้ประมาณ 5-6 เดือน โดยน.ส.แสงดาวจะมาหาแฟนหนุ่มที่บ้านหน้าวัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม แต่ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา น.ส.แสงดาวเกิดน้อยอกน้อยใจที่แฟนหนุ่มตีตัวออกห่าง

ไปคบสาวคนใหม่

เมื่อกลางดึกของวันที่ 1 พ.ค. ขณะที่น.ส.แสงดาวอยู่ที่บ้านของนายอรรถพลก็กินยาฉีดยุงกระป๋องสีเหลืองยี่ห้อหนึ่ง กับยานอนหลับอีก 60 เม็ดเข้าไป ต่อมามีผู้นำส่ง ร.พ.ศูนย์นครปฐมให้แพทย์ช่วยชีวิต

และต่อมาวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา

เวลาประมาณ 10.00 น. น.ส.แสงดาวก็แอบหนีจากเตียงคนไข้ ปีนรั้วร.พ.ศูนย์นครปฐมออกมาเพื่อจะไปหานายอรรถพลที่บ้าน แต่พลเมืองดีผ่านมาพบจึงพาไปส่งที่สภ.อ.เมือง นครปฐม

ซึ่งวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับเรื่องไว้

เนื่องจากทางศูนย์กู้ชีพ ร.พ.ศูนย์นครปฐม ได้รับแจ้งคนไข้หนี มารับตัวกลับไป ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ศูนย์นครปฐม น.ส.แสงดาวก็ได้หนีออกไปอีก

กระทั่งก่อนเกิดเหตุระทึก

นางอุบลวัลย์ได้พาน.ส.แสงดาวมานัดเจรจากันกับนายอรรถพลต่อหน้าตำรวจว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่ให้ทั้งสองฝ่ายนั่งคุยกันอยู่หน้าห้องสอบสวน สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ

น.ส.แสงดาวได้ล้วงเอาอาวุธปืนพกสั้น

ออกมาจากเอว แล้วตะโกนบอกแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ว่า "ถ้ามึงเลิกกูก็จะตาย" จากนั้นก็ถือปืนวิ่งออกจากโรงพักไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ และญาติเกลี้ยกล่อมจนยอมวางอาวุธปืนดังกล่าว

จากนั้น พ.ต.อ.ภาสกรได้สั่งให้พนักงานสอบสวน

บันทึกเหตุการณ์ไว้ แล้วทำหนังสือส่งตัวให้ญาตินำน.ส.แสงดาวส่งร.พ.นิติจิตเวช เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายหาสารแปลกปลอมจำพวกกดจิตประสาทที่อาจมีอยู่ หากพบจะได้ทำการบำบัด

ส่วนกรณีที่น.ส.แสงดาวนำอาวุธปืนมาก่อเหตุพยายามจะยิงตัวเอง

เจ้าหน้าที่ต้องรอผลการตรวจร่างกายจากร.พ.นิติจิตเวช หากพบมีอาการทางจิตก็ต้องรอการบำบัดก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด