โจรเย้ยตร.ชิงทอง10บาท

"เย้ย ตร.บุกชิงทอง 10 บาท"



เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 พ.ค. พ.ต.ท.รัชพล เกลี้ยงอุทธา สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองสุรินทร์

รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกชิงทอง

ภายในร้านห้างทองจินดา เลขที่ 172 ถนนกรุงศรีใน ตั้งอยู่ในตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยเดช ปานรักษา ผกก.สภ.อ.เมืองสุรินทร์ พ.ต.ท.วรพงษ์ สิงคนิภา รอง ผกก.สส.

และร.ต.อ.สนาม ดอกไธสงค์

รอง สวป.รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นร้านทองอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 1 คูหา โดยมีร้านทองตั้งอยู่ใกล้กันอีกหลายร้าน พบนางจุไรรัตน์ จินดาพจน์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านยืนอยู่กับสามีและลูกสาวด้วยอาการยังไม่หายตื่นตระหนก

นางจุไรรัตน์เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

ขณะยืนอยู่หลังตู้โชว์ ส่วนสามีและลูกอยู่หลังร้าน มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 25-30 ปี สวมเสื้อแขนสั้นสีเทา สวมกางเกงยีนขายาว สวมหมวกแก๊ป เข้ามาในร้าน มือขวาถือถุงเงาะและถุงมังคุดอย่างละถุง

จากนั้นได้วางถุงลงบนเก้าอี้

พร้อมกับขอดูสร้อยคอทองคำขนาดต่างๆ จึงหยิบในถาดให้ดูกว่า 10 เส้น ระหว่างเลือกดูแบบ คนร้ายชวนพูดคุยตลอดเวลาและขอเปลี่ยนดูสร้อยคอหนัก 5 บาท 2 เส้น ลายกระดูกงู



กับลายหวายปล้องที่แขวนในตู้โชว์

ติดผนังด้านหลังแล้วอาศัยจังหวะที่ตนเผลอคว้าสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ทั้ง 2 เส้น วิ่งหนีออกจากร้านอย่างรวดเร็ว พยายามวิ่งไล่ตามไปและร้องตะโกนให้คนช่วย แต่ไม่ทัน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดโทรทัศน์วงจรปิด

ที่ทางร้านติดตั้งไว้ โดยกล้องสามารถจับภาพคนร้ายอย่างชัดเจน โดยใช้เวลาลงมือก่อเหตุประมาณ 20 นาที หลังดูภาพเสร็จนางจุไรรัตน์ก็ได้ให้ปากคำเพิ่มเติม โดยยืนยันว่า

คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่า

จะเป็นคนเดียวกับที่เคยเข้ามาขอเลือกซื้อทองกับหญิงสาวคนหนึ่งเมื่อประมาณปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเลือกดูสร้อยคอหนัก 1 บาท กับ 5 บาท แต่ไม่ได้ซื้อก่อนจะออกจากร้านไป โดยไม่คิดว่าคนร้ายจะย้อนเข้าก่อเหตุจนได้

ด้าน ร.ต.อ.สนาม ดอกไธสงค์ รอง สวป.

เผยว่า ช่วงเกิดเหตุได้นำสายตรวจเดินเท้าตรวจร้านทองเยาว์ราช ตั้งอยู่อีกฝังหนึ่งของตลาด กระทั่งได้รับแจ้งเหตุก็รีบมาตรวจสอบทันที โดยได้รับแจ้งจากพ่อค้าที่อยู่ในตลาดว่าคนร้ายขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน หลบหนีมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทาง ต.ท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์ จึงวิทยุสกัดจับ แต่ไม่พบร่องรอย

ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยเดช ปานรักษา

ผกก.สภ.อ.เมืองสุรินทร์ กล่าวภายหลังว่า ได้กำชับให้สายตรวจเข้มงวดตรวจตราร้านทองในพื้นที่ ร้านทองที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ประจำ มีเพียงสายตรวจรถ จยย.และสายตรวจรถยนต์แวะไปตรวจเป็นระยะๆ



เนื่องจากกำลังตำรวจมีไม่พอ

ขณะนี้ได้ภาพคนร้ายจากโทรทัศน์วงจรปิดและสามารถออกหมายจับได้ นอกจากมีภาพแล้วยังพบหลักฐานสำคัญบางอย่างที่คนร้ายทำตกไว้ คาดว่าน่าจะจับคนร้ายได้แน่นอน

ส่วนคดีคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ร้านทองเพชรทองกาญจนา

เขตเทศบาลนครขอนแก่น กวาดทองรูปพรรณหนัก 206 บาท มูลค่า 2.6 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อช่วงสายวันที่ 6 พ.ค.นั้น พ.ต.อ.สันติ ไทยเสถียร ผกก.สภ.อ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการไล่ล่าคนร้ายว่า

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลัง

ออกหาเบาะแสของคนร้าย โดยมีพยานที่เห็นหลายคน เพราะคนร้ายเปิดเผยอย่างชัดเจน ส่วนกระเป๋าสะพายรุ่นที่คนร้ายใช้ ตรวจสอบพบว่ามีขายตามท้องตลาดทั่วไปแบบคละสีใบละ 150 บาท ทุกใบจะมีหมายเลข 23 เป็นสัญลักษณ์



แต่ที่คนร้ายใช้เป็นสีแดงเลือดหมูตะเข็บสีขาว

ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นรถกลางเก่ากลางใหม่ ลักษณะเป็นรถแต่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือไปยังร้านจำหน่ายและร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ขอข้อมูลลูกค้าที่ใช้รถยี่ห้อรุ่นดังกล่าวที่แต่งตัวถังหรือมีลักษณะใกล้เคียงเพื่อเป็นเบาะแสอีกทางหนึ่ง

พ.ต.อ.สันติกล่าวอีกว่า

อยากขอความร่วมมือร้านทองใน จ.ขอนแก่นหรือใกล้เคียงให้ช่วยแจ้งเบาะแสในการรับซื้อทอง หากสงสัยว่าอาจเป็นทองที่คนร้ายก่อเหตุ ก็ให้รีบแจ้งเบาะแสตำรวจทันที อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุจี้ร้านทองติดต่อกันถึง 2 ครั้ง

จึงอยากเสนอให้มีการปิดร้านทองในวันอาทิตย์

เพราะในเมืองขอนแก่นมีร้านทองอยู่ 87 ร้าน หากทุกร้านปฏิบัติตามนี้ ก็น่าจะเป็นการช่วยสกัดการก่อเหตุของพวกมิจฉาชีพได้บ้างไม่มากก็น้อย โดยในวันที่ 8 พ.ค. จะประชุมร้านทองทั้งหมด

พร้อมทั้งนำเรื่องนี้เสนอต่อ

พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น รับทราบ เพื่อเป็นมาตรการในทางปฏิบัติให้กับเจ้าของร้านทองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบต่อไป



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์