รวบแล้ว ! คนร้ายฆ่ารัดคอเซียนพระหมกศพคารถวีออส (ชมคลิป)
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม รวบแล้ว ! คนร้ายฆ่ารัดคอเซียนพระหมกศพคารถวีออส (ชมคลิป)
สืบสวนสภ.บางปูจับกุมคนร้ายฆ่ารัดคอเซียนพระหมกศพทิ้งในเก๋งวีออส อ้างโกรธถูกผู้ตายต่อว่าบวกกับเมายาบ้าเลยพลั้งมือ
จากกรณีคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ โดยใช้เชือกยางรัดคอนายวิเศษ ประทีปากรชัย อายุ 51 ปี เซียนพระ หมกศพทิ้งไว้ในรถเก๋งวีออส สีบรอน ทะเบียนชช 3023 กรุงเทพ ก่อนฉกเอาทรัพย์สินของผู้ตายเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 3 องค์ หลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านพฤกษา 15 ถนนเรียบคลองตำหรุคลองเก้า ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ท้องที่สภ.บางปู เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายพงศธร กำยานบุรี อายุ 29 ปี ชาวจ.ปราจีนบุรี ได้ที่หมู่บ้าน นครทองเพรสซิเด้นท์ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. พบของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห่อ อ๊อฟโป้ สีขาวของผู้ตาย 1 เครื่อง และเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่พยานระบุว่าผู้ต้องหาได้ใส่ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.ท.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ รองผกก.สส. สภ.บางปู กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ระหว่างที่กำลังช่วยแม่ยายขายผักอยู่หน้าตลาดตำหรุ ได้สังเกตเห็นไฟหน้ารถของผู้ตายขุ่นหมอง จึงได้เข้าไปสอบถามเนื่องจากทำอาชีพเสริมรับขัดโคมไฟหน้ารถด้วย ระหว่างที่คุยกันผู้ต้องหารู้ว่าผู้ตายมีอาชีพรับดูพระเครื่อง จึงชวนให้ไปดูพระกับเพื่อนของตน ซึ่งอยู่หมู่บ้านทรัพย์บัวหลวง โดยนั่งรถผู้ตายไปด้วยกัน กระทั้งถึงหน้าหมู่บ้านทรัพย์บัวหลวงเพื่อนผู้ตายกลับไม่ได้มาตามนัด จึงทำให้ผู้ตายเกิดโมโห ต่อว่านายพงศธรอย่างรุนแรงจึงทำให้ผู้ต้องหาโกรธมากประกอบกับเพิงเสพยาบ้ามาด้วย จึงได้ฉวยจังหวะที่ผู้ตายเผลอเปิดประตูเข้าไปทางด้านหลังคนขับ
ก่อนที่จะใช้เชือกยางที่วางอยู่ในรถรัดคอผู้ตายจนแน่นิ่ง และรื้อค้นเอาทรัพย์สินผู้ตายไป จากนั้นได้ขับรถไปจอดไว้ที่ริมถนนตำหรุคลองเก้า และนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านพัก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมาได้นำสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองของผู้ตายไปขายที่ร้านทองส่วนเงินที่ได้นำไปซื้อยาบ้าเสพ และส่วนหนึ่งไปมอบให้แม่ยาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและชิงทรัพย์ ซึ่งจะได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เวลา 13.00 น.